"LUXURY" จับ 'คอลลาเจน' ใส่หมอนและเครื่องนอนรายแรกในโลก

01 ต.ค. 2561 | 05:06 น.
แม้จะเป็นผู้นำทางด้านการจำหน่ายหมอนอันดับ 1 ของประเทศอยู่แล้ว แต่แบรนด์อย่าง Luxury หมอนโรงแรม 6 ดาว ก็ไม่ได้หยุดนิ่งในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้มากขึ้น ภายใต้การนำของ "คมศานต์ จิวากานนท์" ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักซ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด ซึ่งได้นำประสบการณ์จากการบริหาร และทิศทางการแข่งขันในตลาดมาปรับประยุกต์ จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจว่า เมื่อผู้บริโภคได้เห็นจะต้องร้อง "ว้าว" ออกมา


ต่อยอดหมอนโรงแรม 6 ดาว
คมศานต์ บอกกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทวิจัยและพัฒนา (R&D) ขึ้นมาเป็นผลลัพธ์ มาจากการได้เห็นการต่อสู้ฟาดฟันกันในตลาด ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า หมอนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ว่าผู้ประกอบการรายใดก็สามารถทำได้ อีกทั้งการตลาดบนโลกก็ยังมาแรงเป็นอย่างมาก โดยที่บางรายไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องมีการลงทุนอะไร เพียงแค่นำภาพมาโพสต์ขาย และอธิบายถึงฟังก์ชันการใช้งานก็จำหน่ายได้แล้ว คู่แข่งขันในตลาดจึงมีมาก อีกทั้งยังใช้คุณสมบัติของหมอนแบบเดียวกันมาสร้างจุดขายอีก


45681

ทั้งนี้ เมื่อมองเห็นถึงปัญหาทางการตลาดที่เกิดขึ้น แม้ว่าแบรนด์จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อยู่ ด้วยคุณสมบัติของหมอนและบริการหลังการขายที่ดี ซึ่งลูกค้าให้ความไว้วางใจ ตนจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มฟังก์ชันลงไปในหมอนให้เป็นหมอนที่ไม่ธรรมดา เพราะวันหนึ่งทุกคนจะต้องใช้เวลาอยู่บนหมอนกว่า 8 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นควรจะต้องได้อะไรที่มากกว่าการนอน ไม่ใช่มีคุณสมบัติแค่นอนดี หนุนคอสบายแล้วจบ โดยวันหนึ่งได้ดูรูปของลูกตอนที่คลอด ซึ่งทำให้มองย้อนกลับว่า เมื่อตอนอยู่ในครรภ์มารดา ผิวของเด็กจะมีนํ้าครํ่าที่ห่อหุ้ม และมีมอยส์เจอไรซ์มาก เวลาที่คลอดออกมาจึงเป็นผิวที่ดีที่สุด คือ นุ่ม มีสีชมพู และเนียน แต่หลังจากนั้นจะกร้านไปตามกาลเวลา ต้องใช้ครีมบำรุงรักษา

"เมื่อความคิดตกผลึกได้ที่แล้ว จึงเริ่มค้นหาวัตถุดิบที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบของหมอน จนทำให้ได้พบกับสารที่เรียกว่า คอลลาเจน (Collagen) โดยเลือกใช้สารสกัดที่ได้จากปลามิลค์ฟิช (Milkfish) จากไต้หวัน ซึ่งเป็นปลาทะเลนํ้าลึกที่เป็นธรรมชาติล้วน โดยปลอดภัยแม้กระทั่งการใช้กับผิวเด็ก โดยนำมาทำเป็นเส้นใยฟิลาเจน (FILAGEN) ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน"


45688

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้คอลลาเจนแบบที่ต้องการแล้ว ตนจึงมานั่งคิดอีกว่า ในยามที่ทารกแรกเกิด ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะมีฐานะยากจนหรือรํ่ารวย หรืออยู่ที่ประเทศใด ผ้าผืนแรกที่สัมผัสชีวิตที่ลืมตาออกมาดูโลก ก็คือ ผ้าคอตตอน (Cotton) เพราะเป็นเส้นใยจากธรรมชาติและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่า บอบบางและปกป้องเด็กได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นหากต้องการจะย้อนเวลากลับไปทั้งหมด จึงน่าที่จะนำผ้าคอตตอนผสมกับคอลลาเจน แล้วถักทอออกมาให้เป็นผ้าหรือนำไปอยู่ในหมอน


คอลลาเจนบนเครื่องนอน
คมศานต์ บอกต่อไปอีกว่า คอตตอนที่บริษัทเลือกใช้เป็นคอตตอนจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นคอตตอนที่ดีที่สุด โดยนำมาถักทอร่วมกับเส้นใยฟิลาเจน ซึ่งมีจำนวนเส้นด้ายอยู่ 1,200 เส้น เรียกได้ว่า มีความละเอียดที่สุดในวงการผ้าคอตตอน โดยนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ อย่าง ปลอกหมอน, ผ้าปูที่นอน, ปลอกผ้านวม และหมอน ภายใต้แบรนด์ "ลักษณ์ชัวรี่ คอตตอน คอลลาเจน" (LUXURY COTTON COLLAGEN)

"จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ครั้งนี้ตนเลือกที่จะจดเครื่องหมายการค้าเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ในหมวด 20 จำพวกหมอน และในหมวด 28 จำพวกสิ่งทอ เครื่องนอน และผ้าปูทั้งหมด ซึ่งผู้ผลิตรายอื่นที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเหล่านี้จะใช้คำว่า "คอลลาเจน" ไม่ได้ เรียกว่าเป็นการพยายามป้องกันคู่แข่ง และการโพสต์ขายบนช่องทางออนไลน์จากบทเรียนธุรกิจที่ได้รับมา"


45716

ด้านจุดเด่นของ "ลักษณ์ชัวรี่ คอตตอน คอลลาเจน" นั้น อยู่ที่นวัตกรรมที่นำมาใช้ ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวในเวลานอน เนื่องจากส่วนใหญ่จะนอนในห้องแอร์ทำให้ผิวแห้ง รวมถึงเรื่องของการกำจัดกลิ่น เพราะผ้าปูที่นอนจะไม่ได้ถูกเปลี่ยนบ่อยเหมือนกับเสื้อผ้า ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก แต่คอลลาเจนจะทำหน้าที่ทำความสะอาดให้ผ้าใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือ นีออน โทรทัศน์ ฯลฯ ได้ถึง 97.7% อีกทั้งคอลลาเจนยังมีคุณสมบัติอยู่แบบถาวร และเมื่อยิ่งซักผ้าก็จะยิ่งนุ่มขึ้นจากคุณสมบัติของคอตตอน

"นี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผู้นอน ซึ่งผู้ใช้อาจจะไม่ได้คำนึงถึงฟังก์ชันทั้งที่เป็นสิ่งที้ต้องใช้งาน และจะดีกว่าไหม หากซื้อผลิตภัณฑ์แล้วสามารถดูแลตัวเอง หรือ ได้มากกว่าแค่การนอนหลับ เสมือนเป็นด่านสุดท้ายที่ดูแลระหว่างนอน โดยตามปกติผิวจะสูญเสียมอยส์เจอไรเซอร์ไปจากการระเหย แต่คอลลาเจนจะช่วยดักจับให้เข้ามาอยู่ที่เส้นใย ดังนั้น เมื่อผู้ใช้ได้สัมผัสจึงเท่ากับได้รับความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา"

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตแบรนด์จะนำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมประเภทอื่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดตัวคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ไม่ใช่เพียงแค่ซับนํ้าได้ดี รวมไปถึงผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดผม หมอนรองคอ รองเท้าสลิปเปอร์ และแม้กระทั่งผ้าผิดตา


เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย
คมศานต์ บอกอีกว่า เบื้องต้นจะมุ่งเน้นการทำตลาดที่ปลอกหมอน เพราะสามารถเปลี่ยนได้ง่ายที่สุด และไม่ต้องการเป็นศัตรูกับหมอนของผู้บริโภคทุกบ้าน แต่หากผู้บริโภคต้องการแบบทั้งหมด แบรนด์ก็มีผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ทุกกลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องนอน กลุ่มที่ต้องการฟังก์ชันเพิ่มเติมจากนวัตกรรมใหม่ ซึ่งไม่ใช่การปกป้องจากการรับประทานและทา โดยเลือกกำหนดราคาให้สามารถเข้าถึงได้ ตั้งแต่กลุ่มผู้บริโภคระดับล่างไปจนถึงระดับบน เพราะต้องการให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ ส่วนช่องทางการจำหน่ายจะเน้นที่การออกงานแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ อาคารสำนักงาน คอน โดมิเนียม และสถานเสริมความงามต่าง ๆ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาดทางด้านออนไลน์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งทีมงานทางด้านออนไลน์ การซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ทุกแขนง อีกทั้งยังมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในรูปแบบของแฟชั่นโชว์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 3 ต.ค. 2561 โดยมีนางแบบนายแบบชั้นนำ อย่าง ใหม่-ดาวิกา และโป๊ป-ธนวรรธน์ มาร่วมเดินแฟชั่นชุดเครื่องนอนครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะมีสไตลิสต์อันดับต้นของประเทศมาออกแบบเครื่องแต่งกายที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

"ในต่างประเทศ บริษัทก็ได้มีการจดเครื่องหมายการค้าไว้เช่นเดียวกัน แต่จะยังไม่ทำตลาดในระยะแรก เพราะต้องการให้คนไทยได้ใช้ก่อน โดยไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ก็ถือว่าเป็นเจ้าแรกทั้งหมด ทั้งหมวดเครื่องนอนและเส้นใย"


เป้า 2 พันล้านบาท
คมศานต์ บอกอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท ภายในปี 2562 ส่วนหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่า อยู่ที่มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับกลับไป ซึ่งจะต้องมากกว่าราคาที่จ่ายออกมา โดยการทำธุรกิจของตนจะไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะขายได้กี่บาท หรือได้กำไรเท่าไหร่ แต่จะทำอย่างไรให้สามารถขายได้ก่อน หลังจากนั้นกำไรก็จะตามมาเอง


เรื่อง : นิธิโรจน์ เกิดบุญภานุวัฒน์
หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3405 วันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค. 2561



595959859