The Disrupt | 'เอสซีจี' ผสมผสานดิจิตอล สู่นวัตกรรม "รับมือการเปลี่ยนแปลง"
การปรับตัวขององค์กรให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงขององค์กรขนาดใหญ่ 'กลุ่มเอสซีจี' ซึ่งมีพนักงานมากกว่า 5 หมื่นคน กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งขององค์กร
"รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีตั้งใจคิดค้นและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ได้นวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชัน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ ซึ่งวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงนวัตกรรม แต่ต้องผสมผสานดิจิทัลเข้าไปในทุกอนู นำเทคโนโลยีมาใช้ในทุก ๆ ส่วนของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจหลัก 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเคมิคอลส์ ที่ทำนวัตกรรมโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ ซึ่งเป็นโซลูชันครบวงจรรายแรกของไทย นวัตกรรมเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง วัสดุเติมแต่งเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลิตภัณฑ์พลาสติกได้หลากหลาย สารเคลือบเตาเผาอุตสาหกรรม เพื่อการประหยัดพลังงาน และหุ่นยนต์ตรวจสอบที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงาน
ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่มีทั้งนวัตกรรมเพื่อบ้านอยู่สบาย ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ ที่ใช้ระบบ AI โครงการรถโรงเรียนอัจฉริยะ ป้องกันเด็กติดในรถ ดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับเจ้าของบ้านและร้านผู้แทนจำหน่าย และโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ จากสตาร์ตอัพในองค์กร และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ที่จัดแสดงบรรจุภัณฑ์อาหารจากเยื่อธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์ระบายอากาศได้เองเมื่ออุ่นในไมโครเวฟ บรรจุภัณฑ์ลูกฟูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชั้นจัดแสดงสินค้าที่เพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าธุรกิจได้อย่างดี
เอสซีจีลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงแล้วระยะหนึ่ง และกำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถูกผลักดันด้วย Passion ของคนภายในองค์กร ที่ต้องการนำการเปลี่ยนแปลงนั้นมาพัฒนาเป็นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ตลาด
ในฐานะของผู้ทำหน้าที่ผู้นำองค์กร 'รุ่งโรจน์' พูดถึงการบริหารท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ที่โดยปัจจัยหลาย ๆ อย่างเข้ามา Disruptive คือ การให้โอกาสการที่เรามีความกล้าที่ยอมรับและทดลองสิ่งใหม่ ๆ เอสซีจีพยายามให้โอกาสเสมอ ไม่ว่าการเข้าไปทำงานในตลาดใหม่ ๆ หรือ การสร้างสินค้าใหม่ ๆ ได้ลองของสิ่งที่ไม่เคยคิด เช่น เม็ดพลาสติก มาสร้างเป็นถังเก็บเข็มฉีดยา โดยทุก ๆ การพัฒนาสินค้าและบริการนั้น ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสามารถขายได้
เอสซีจีวางงบด้านการพัฒนาและวิจัยนวัตกรรม จากเริ่มต้นใช้งบประมาณ 1% ของยอดขาย แต่ต่อจากนี้จะใช้งบประมาณ 1.5-2% ของยอดขาย โดยนอกจากการใช้ในการสร้างนวัตกรรมจากภายในองค์กรแล้ว ยังใช้เพื่อการสนับสนุน หรือ ลงทุนกับพาร์ทเนอร์ รวมทั้งสตาร์ตอัพ ซึ่งขณะนี้มีส่วนของอินเทอร์นัล สตาร์ตอัพ ภายในองค์กรเกิดขึ้น มาพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ มีการทำ Networking กับสถาบันการศึกษา ลูกค้า และสตาร์ตอัพ ร่วมกันสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด
"ตอนนี้นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากเราต้องการอยู่ในระยะยาว นวัตกรรมสำคัญที่สุด เราทำในหลายมิติ ไม่ใช่แค่การวิจัยพัฒนา แต่รวมไปถึงเรื่องดิจิทัล และการนำความต้องการลูกค้ามาพัฒนาสินค้าและบริการ สร้างโซลูชันใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ไม่ได้จำกัดแค่กระบวนการผลิต ตอบโจทย์ซัพพลายเชนและบิซิเนสโมเดลใหม่ ๆ นวัตกรรมไปไกลมาก ๆ"
ที่ผ่านมา เอสซีจีจัดกิจกรรมเปิดบ้าน "SCG Open House" ที่สำนักงานใหญ่บางซื่อ ภายใต้ธีม "Discover Our Passion , Discover Your Passion" ให้คนรุ่นใหม่ได้มาสัมผัสเบื้องหลังการขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งซีอีโอบอกว่า นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะแสดงให้คนภายนอกได้เห็นว่าเอสซีจีทำอะไร และสนับสนุนคนรุ่นใหม่ เอสซีจีไม่ได้เน้นเรื่องการผลิต หรือ ทำของมาขายอย่างเดียว แต่เอสซีจีเป็นองค์กรที่มีการบริการ มีโซลูชันให้กับลูกค้าและให้โอกาสกับคนทุกคนในเรื่องนวัตกรรม นี่คือ สิ่งที่เอสซีจีต้องการแชร์และเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลง และแข่งกับเทคโนโลยีที่เข้ามา Disruptive กับเอสซีจีโดยตรง
……………….
คอลัมน์ : The Disrupt เซกชัน : ซีอีโอโฟกัส โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,404 วันที่ 27-29 ก.ย. 2561 หน้า 26
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● "มูลนิธิเอสซีจี" กระตุ้นการเรียนรู้เด็กปฐมวัย
● "มูลนิธิเอสซีจี" ส่งต่อพลังใจสู่ "ผู้พิทักษ์ป่า"
