TPLASเร่งขยายฐานลูกค้า

27 ก.ย. 2561 | 08:42 น.
รุกกลุ่มยี่ปั๊วซาปั๊วเป้าหมื่นรายปี64-บุกส่งออก
26ก.ย.61-“ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก” ตั้งเป้าไม่เกินปี 64 ฐานลูกค้าจากกลุ่มยี่ปั๊ว ซาปั๊วพุ่งเท่าตัวล้อตามปริมาณการผลิต ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร พร้อมอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการมองหาพันธมิตรต่างชาติ เพื่อส่งออก
ผ่านไปแล้วสำหรับการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น ของบริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เสนอขายในราคา 1.48 บาทต่อหุ้น หลังจากเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อวันที่ 28-30 สิงหาคม และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา

ธีระชัย

นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารและฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหารเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า TPLAS ระดมทุนของบริษัทครั้งนี้ จะแตกต่างไปจากบริษัทอื่นเพราะไม่ได้นำไปใช้หนี้ และการที่จะใช้เงินจำนวนมากไปลงทุนก็ยังไม่จำเป็น จึงใช้ทุนราว 60-80 ล้านบาท นำไปขยายธุรกิจ สร้างธุรกิจ สร้างโรงงานและสำนักงาน ที่บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ในขนาดพื้นที่ 11 ไร่ ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562 โดยพื้นที่ขยายกำลังการผลิตนี้ คาดว่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตอีกเท่าตัวไม่เกินปี 2564

ล่าสุดตั้งเป้าว่าไม่เกินปี 2564 ฐานลูกค้ากลุ่มยี่ปั๊ว ซาปั๊ว จะมียอดเครือข่ายพุ่งเท่าตัวหรือจำนวน 8,000-10,000 ราย โดยขยายตัวตามปริมาณการผลิต ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร เน้นการทำตลาดภายในประเทศทั้งหมด มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เป็นหลัก จากที่ปัจจุบันเรามีเครือข่ายทั่วประเทศแล้ว 4,000-5,000 ราย และเรายังมีฐานข้อมูลของลูกค้าอีกเท่าตัว และคาดการณ์ว่าจะโตอีกเท่าตัว ไม่เกินปี 2564

ทั้งนี้การขยายฐานลูกค้าดังกล่าวจะสอดรับกับการเติบโตของการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene (PP) ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene (HDPE) ภายใต้ตราสัญลักษณ์ “หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Polyvinyl Chloride (PVC)ภายใต้ตราสัญลักษณ์ “Vow Wrap” โดยถุงพลาสติก ปัจจุบันมีกำลังผลิตราว 10,281 ตันต่อปีและฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร มีกำลังผลิต 1,411 ตันต่อปี โดยภายในปี 2564 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

กรรมการผู้จัดการ บริษัท TPLAS กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการมองหาพันธมิตรต่างชาติ เพื่อการส่งออกหรือทำการค้าในต่างประเทศ จากที่ปัจจุบันก็มีอยู่บ้างโดยผ่านช่องทางยี่ปั๊วชายแดน ฉะนั้นการศึกษาความเป็นไปได้นี้ ใครสนใจติดต่อเข้ามาก็ต้องรับเจรจาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม

อย่างไรก็ตามธุรกิจนี้กำลังถึงจุดเปลี่ยนแปลง จากที่ก่อนหน้านั้นมีแต่ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่ในตลาดจำนวนมาก เมื่อทิศทางโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีปรับทันสมัยยิ่งขึ้น รายเล็กถ้าไม่รีบปรับตัว ก็จะค่อยๆ ตายไป ทำให้เหลือผู้เล่นในตลาดจำนวนไม่มาก ข้อได้เปรียบของเราคือเรามีการปรับตัวต่อเนื่อง และเรามีจุดเด่นตรงที่มีลูกค้าจำนวนมาก ก็ยังแข่งขันได้ และที่น่าจับตาคืออีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ธุรกิจนี้ก็จะเหลือแต่ตัวจริงที่ยืนอยู่ได้ จากเดิมที่มีผู้ผลิตถุงพลาสติกอยู่ในตลาดหลายร้อยราย ต่อไปก็จะเหลืออยู่ไม่กี่สิบราย เพราะปัญหาส่วนใหญ่คือบริหารต้นทุนไม่ได้ และยังปรับตัวให้เข้ากับระบบงานยุคใหม่ไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในธุรกิจอาหาร มีทั้งเรื่อง GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งหมายถึง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นเกณฑ์หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุมเพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม และทำให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย

รวมถึงเรื่องอย. หรือ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เครื่องหมายที่แสดงให้ผู้บริโภครับทราบว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ผ่านการพิจารณาด้านประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัย ตามหลักเกณฑ์ ทำให้หลายโรงงานไม่ผ่าน กลายเป็นเกิดโรงงานเถื่อนเต็มไปหมด บางรายลูกหลาน ไม่ยอมสานต่อ ในขณะที่ผู้บุกเบิกรุ่นก่อนๆ ก็ทำไม่เป็น เลยตกยุค ตกรุ่นไป ซึ่งหน่วยงานรัฐจะต้องเข้าไปดูตรงนี้ให้มากขึ้น เพราะถ้าธุรกิจไปได้ รัฐก็สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานของ TPLAS ในปี 2560 มีรายได้จากการขายรวม 530.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.09 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทมีรายได้รวม งวด 6 เดือนปี 2561 ที่ 273.14 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากดีมานด์ความต้องการใช้ถุงพลาสติกยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทต้องเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตถุงพลาสติกของบริษัทเพื่อรองรับกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ตํ่ากว่า 30% ของกำไรสุทธิ และคาดการณ์ว่านับจากนี้ไปอีก 2-3 ปีก็มีความเป็นไปได้ว่ารายได้น่าจะเติบโตเป็นเท่าตัว

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,404 วันที่ 27-29 กันยายน 2561

e-book-1-503x62-7