ASP หั่นประมาณการกำไร บจ. ปีนี้ เหลือ 1.07 ล้านล้านบาท

26 ก.ย. 2561 | 09:51 น.
ASP ปรับลดประมาณการกำไร บจ. ปีนี้ลง 26,500 ล้านบาท เหลือ 1.07 ล้านล้านบาท จากเดิมคาด 1.1 ล้านล้านบาท หลังบาง บจ. กำไรต่ำกว่าคาด และภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นจากการซื้อกิจการ มองดัชนีหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,620-1,733 จุด

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASP) เปิดเผยว่า ASP ได้ปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปี 2561 มาอยู่ที่ 1.07 ล้านล้านบาท ลดลงประมาณ 26,500 ล้านบาท หรือลดลง 2.4% จากประมาณการเดิมที่คาดไว้ที่ 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 108 บาทต่อหุ้น เติบโต 10.3% จากปีก่อน เนื่องจากพิจารณารายบริษัทแล้ว พบว่า บางบริษัทบันทึกรายการพิเศษขนาดใหญ่, บางบริษัทกำไรดำเนินงานต่ำกว่าคาด, บางบริษัทไปซื้อกิจการ ส่งผลให้เกิดภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง และกดดันกำไร

ขณะที่ ในปี 2562 ได้ปรับลดประมาณการกำไร บจ. ลงประมาณ 3,100 ล้านบาท หรือ 0.27% จากประมาณการเดิม ส่งผลให้กำไรปีหน้าอยู่ที่ 1.15 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ประมาณ 115.5 บาทต่อหุ้น เติบโต 6.9% จากปีนี้ ทั้งนี้ แม้ว่าสายงานวิจัยฯ ปรับลดประมาณการกำไรตลาดหุ้นไทยลง แต่อัตราการเติบโตใกล้เคียงตลาดหุ้นภูมิภาค

สำหรับปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย คือ การเมืองในประเทศคลี่คลายลง หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มา ส.ว. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 ทำให้กำหนดการเลือกตั้งมีความชัดเจน คือ การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นภายในกรอบเวลา 240 วัน ซึ่งหากพิจารณาจากเงื่อนไขของเวลาแล้ว การเลือกตั้งอาจเป็นได้ทั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 หรือวันที่ 31 มี.ค. 2562 แต่ต้องไม่เกินวันที่ 5 พ.ค. 2562

"ภาพรวมของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ปัจจุบัน ถือได้ว่าความเสี่ยงที่จะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปไม่เกิดขึ้นนั้นน้อยลง จากนี้ไป การประกาศปลดล็อคการเมืองน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น แต่สถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป"

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีทั้งปัจจัยบวกและลบเข้ามา ทำให้มองว่า ตลาดจะแกว่งตัวสูง ในกรอบ 1,620-1,733 จุด แต่เปิดช่องให้ดัชนีฯ ขึ้นไปแตะระดับ 1,790-1,848 จุดได้ หากเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจน

"โค้งสุดท้ายของปีนี้ ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนสูงมาก ฝั่งของปัจจัยลบที่ยังมีน้ำหนักมาก ก็คือ สงครามการค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ กับจีน ยังไม่มีทีท่าจะผ่อนคลาย กระทบการค้าและเศรษฐกิจโลกช่วงปลายปีนี้และปีหน้าแน่นอน ส่วนฝั่งของปัจจัยบวก ก็คือ การเลือกตั้งในบ้านเรา" นางภรณี กล่าว

e-book-1-503x62-7