ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2561

26 ก.ย. 2561 | 08:43 น.
บรรยากาศการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2561 ch12 ครั้งที่ 1/2561
โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในที่ประชุม
พร้อมด้วยสมาชิกพรรคฯ เพื่อพิจารณาข้อบังคับพรรค นโยบาย และการรับบสมาชิกพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ch3




และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคนานกว่า 5 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมมากันพร้อมเพรียง การประชุมเป็นแบบประชาธิปัตย์ที่มีความหลากหลายของความเป็นประชาธิปไตย มีการแลกเปลี่ยนปัญหามุมมอง รวมถึงวิธีการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคก็เป็นไปได้ด้วยดี ส่วนสาระสำคัญของข้อบังคับพรรคนั้นเป็นเรื่องภายในและทางเทคนิค โดยที่ประชุมเห็นว่าในส่วนของจำนวนกรรมการบริหารพรรคจะมีทั้งสิ้น 41 คน โดยจะมีสัดส่วนของผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 10 คน และกรรมการสาขาพรรคที่จะต้องมีทั้งหมด 11 คน ก็จะให้มีสัดส่วนผู้หญิงอย่างน้อย 3 คน รวมถึงจะให้ผู้มีอายุไม่เกิน 35 ปี จำนวนอย่างน้อย 1 คน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการตราข้อบังคับครั้งนี้ได้บรรจุนโยบายพรรคคร่าวๆ แม้ยังไม่มีนโยบายที่ระเอียดที่จะใช้ในการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องใหม่ที่พรรคต้องการจะผลักดันอาทิ หลังจากนี้ไม่อาจยึดตัวเลขจีดีพีในความเป็นอยู่ของประชาชนได้ โดยให้ความสำคัญกับประชาชนที่ยากไร้ และขจัดการผูกขาด ,ขจัดความเหลื่อมล้ำและการเอารัดเอาเปรียบในภาครัฐและเอกชน , โครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะต้องเชื่อมโยงกับทุกภูมิภาคโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง รวมถึงปรับระบบภาษีและระบบสวัสดิการเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ในด้านการศึกษาเราต้องการปรับรื้อการศึกษาไทยและพัฒนาทักษะพร้อมดึงเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เป็นหลักประกันสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาได้มีงานทำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมผลักดันให้บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกฎหมายใดที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยเราสนับสนุนให้มีการแก้ไข และจะเป็นแบบอย่างในการรักษาประชาธิปไตยโดยไม่มีการลุแก่อำนาจ

สำหรับการหยั่งเสียงในการเลือกหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมทุกฝ่ายเห็นว่านี่คือก้าวสำคัญในระบอบประชาธิปไตยในพรรคการเมือง และการพัฒนาระบบพรรคการเมือง สะท้อนให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง โดยการจัดทำระเบียบการหยั่งเสียงนั้น ตนในฐานะที่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงได้มอบหมายให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาจัดทำให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ หากจะให้ตนมีการแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะผู้สมัคร หรือกฎกติกาออกมาเป็นอย่างไรตนก็ไม่ขัดข้อง ส่วนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนหยั่งเสียง ที่ประชุมเห็นว่า สมาชิกของพรรคที่พ้นสภาพจากคำสั่งคสช.จำนวน 2.5 ล้านคน และไม่เคยไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น เราเชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนของพรรค จึงให้สิทธิ์ในการลงคะแนนหยั่งเสียงแต่จะต้องมาลงทะเบียนยืนยันเป็นสมาชิกก่อน

“เนื่องจากต้นเดือน ต.ค. ผมจะนำคณะพรรคเสรีนิยมในประเทศเอเชียตะวันออกไปประชุมในประเทศแอฟริกาใต้ และเมื่อกลับมาหากมีคนเสนอชื่อ หรือผมลงสมัคร ผมจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่จะไม่ใช้วิธีการลาออก เพราะจะกระทบต่อกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะที่ต้องพ้นสภาพ ผมจึงใช้วิธีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจในฐานะหัวหน้าพรรค โดยผมจะเป็นเพียงผู้สมัครธรรมดาเท่านั้น เพราะนี่คือวิถีทางของประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากได้หัวหน้าพรรคจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดยืนของตนชัดเจน และพรรคก็ต้องทำตามคำประกาสในอุดมการณ์ของพรรคไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค

ch9 090861-1927-9-335x503