รายย่อยผนึก "ทวิช" ส่ง 7 อรหันต์ชิงบอร์ดไอเฟค ยื่นมาตรา100 รอบใหม่ หลัง 2 กรรมการ ยื้อเวลาคืนอำนาจผู้ถือหุ้น
นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึงบริษัทและสำเนาให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทราบ เรื่อง การขอใช้สิทธิเรียกประชุม ผู้ถือหุ้นตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริษัทมหาชนจำกัด และ ขอเรียกร้องให้กรรมการจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อคืนอำนาจให้กับผู้ถือหุ้นในการเลือกกรรมการชุดใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทตามกรอบกฎหมายกำหนด หลังจากช่วงที่ผ่านมากรรมการไอเฟคที่เหลืออยู่มีเจตนาประวิงเวลาจัดประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไปจะสร้างความเสียหายให้กับไอเฟคอย่างร้ายแรง กระทบเจ้าหนี้หุ้นกู้ ตั๋วบี/อี สถาบันการเงิน และคู่ค้า
[caption id="attachment_323945" align="aligncenter" width="465"]
นอกจากนี้ ยังได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการ 7 ท่าน ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อเสนอตัวเข้าไปแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูกิจการของไอเฟค ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยแต่ละท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริหารมืออาชีพ ประกอบด้วย 1.นายทวิช เตชะนาวากุล 2. พลเอกสำเภา ชูศรี 3. รองศาสตราจารย์ประนอม โฆวินวิพัฒน์ 4. นายพิชิต สินพัฒนสกุล 5. นายหาญ เชี่ยวชาญ 6. นายกุดั่น สุขุมานนท์ และ 7.นายบุญเลิศ เอี้ยวพรชัย
นางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย และผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไอเฟค กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับการทำงานของพล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ กรรมการไอเฟคที่เหลืออยู่ทั้ง 2 คน เนื่องจากไม่ได้ใช้ความเป็นมืออาชีพ ตามที่กล่าวอ้าง เข้ามาบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัท อีกทั้งยังประวิงเวลาในการคืนอำนาจผู้ถือหุ้น ผ่านการเร่งจัดประชุมผู้ถือหุ้นตามมาตรา 83
ถึงแม้ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กันยายน กรรมการทั้ง 2 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ รวมหลายสิบคน ได้ขึ้นไปงัดสำนักงานใหญ่ของไอเฟค ที่อาคารเดอะไนน์ พระราม 9 พบว่าไม่มีพนักงานปฏิบัติหน้าที่อยู่เลยและไม่มีเอกสารทางการเงินและทางบัญชีเก็บรักษาไว้แม้แต่ฉบับเดียว เป็นการกระทำที่ท้าทายต่อทั้ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกรมสรรพากร ที่มีการย้ายสำนักงานและเอกสารทั้งหมดของบริษัทมหาชนไปจากที่ทำการที่จดทะเบียนไว้
[caption id="attachment_323947" align="aligncenter" width="503"]
ทั้งนี้ การที่บอร์ดทั้ง 2 ท่านเสนอรายชื่อกรรมการทั้ง 74 ท่าน ที่เสนอตัวเข้ามาบริหาร จากการเสนอรายชื่อจากผู้ถือหุ้นหลายกลุ่ม ไปให้ ก.ล.ต. พิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าดูตาม Time Line แล้ว หากมีเจตนาที่จะคืนอำนาจผู้ถือหุ้น และเร่งจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกกรรมการชุดใหม่โดยเร็ว ก็ควรที่จะเร่งปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นได้แล้ว เพื่อที่จะได้พิมพ์หนังสือเชิญประชุม เรียกประชุมผู้ถือหุ้น
“กรรมการทั้ง 2 ท่าน หยุดดราม่าได้แล้ว ถึงเวลาแสดงความเป็นผู้นำ และดึงเอาประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพ ออกมาแก้ไขปัญหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ทำให้ไอเฟคถูกลากออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จากการจัดฉากของอดีตผู้บริหาร ที่รวมหัวกัน สร้างเจ้าหนี้เทียมขึ้นมา เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ”
ทั้งนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กรรมการทั้ง 2 ท่าน ต้องเร่งดำเนินการกำหนดวัน Record date และจัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อเลือกกรรมการชุดใหม่ เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาไอเฟค ก่อนวันนัดพิจารณาไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของเจ้าหนี้ ในวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้และรายย่อยได้มีการทำหนังสือร้องเรียนและคัดค้านการยื่นเข้าแผนฟื้นฟูฯ ไปในช่วงก่อนหน้าแล้ว เพราะว่าพบความไม่ชอบมาพากล เนื่องจากเจ้าหนี้ มีความเชื่อมโยงกับอดีตนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการไอเฟค ที่ถูกสำนักงานก.ล.ต.กล่าวโทษและดำเนินคดีอาญา อีกทั้งเจ้าหนี้ยังเสนอให้นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารไอเฟค ซึ่งถูกก.ล.ต.กล่าวโทษและดำเนินคดีอาญา เช่นเดียวกัน ให้เข้ามานั่งในตำแหน่งผู้บริหารแผน
