'ฟิโกไฟแนนซ์' พบ "หนี้เสีย" 8 ล้านบาท 2.45% ของสินเชื่อคงค้างรวม
คืบหน้าแก้หนี้นอกระบบ "ฟิโกไฟแนนซ์" อนุมัติสินเชื่อสะสม ก.ค. 3 หมื่นบัญชี วงเงินรวม 785 ล้านบาท เฉลี่ย 25,000 บาทต่อบัญชี พบเอ็นพีแอล 276 บัญชี วงเงิน 8 ล้านบาท ขณะที่ สินเชื่อฉุกเฉินเพิ่มทางเลือกประชาชน ณ ส.ค. อนุมัติแล้ว 319,750 ราย วงเงินรวม 1.43 หมื่นล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2561 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 30,340 บัญชี รวมเป็นเงิน 785.45 ล้านบาท หรือ คิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 25,888.33 บาทต่อบัญชี โดยเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน 15,893 บัญชี เป็นเงิน 474.98 ล้านบาท คิดเป็น 60.47% ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 14,447 บัญชี เป็นเงิน 310.47 ล้านบาท คิดเป็น 39.53% ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ ขณะที่ ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 13,570 บัญชี คิดเป็นเงิน 329.41 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 796 บัญชี คิดเป็นเงิน 26.51 ล้านบาท หรือ 8.05% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 276 บัญชี คิดเป็นเงิน 8.06 ล้านบาท หรือ 2.45% ของสินเชื่อคงค้างรวม
สำหรับสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ส.ค. มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 319,750 ราย เป็นเงิน 14,340.19 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 298,868 ราย เป็นเงิน 13,413.07 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ จำนวน 20,882 ราย เป็นเงิน 927.12 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นมา ถึง ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2561 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 3,175 คน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559 กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2561 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 579 ราย ใน 67 จังหวัด โดยจังหวัดที่มียื่นคำขอมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ นครราชสีมา 52 ราย กรุงเทพมหานคร 46 ราย และร้อยเอ็ด 35 ราย และยื่นขอคืนคำขออนุญาต 92 ราย ใน 45 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 487 ราย ใน 65 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 386 ราย ใน 64 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ได้เปิดดำเนินการแล้ว 310 ราย ใน 63 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 287 ราย ใน 60 จังหวัด โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้กับผู้มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้นๆ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2561 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 30,340 บัญชี รวมเป็นเงิน 785.45 ล้านบาท หรือ คิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 25,888.33 บาทต่อบัญชี โดยเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน 15,893 บัญชี เป็นเงิน 474.98 ล้านบาท คิดเป็น 60.47% ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 14,447 บัญชี เป็นเงิน 310.47 ล้านบาท คิดเป็น 39.53% ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ ขณะที่ ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 13,570 บัญชี คิดเป็นเงิน 329.41 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 796 บัญชี คิดเป็นเงิน 26.51 ล้านบาท หรือ 8.05% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 276 บัญชี คิดเป็นเงิน 8.06 ล้านบาท หรือ 2.45% ของสินเชื่อคงค้างรวม
สำหรับสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ส.ค. มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 319,750 ราย เป็นเงิน 14,340.19 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 298,868 ราย เป็นเงิน 13,413.07 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ จำนวน 20,882 ราย เป็นเงิน 927.12 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นมา ถึง ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2561 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 3,175 คน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559 กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2561 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 579 ราย ใน 67 จังหวัด โดยจังหวัดที่มียื่นคำขอมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ นครราชสีมา 52 ราย กรุงเทพมหานคร 46 ราย และร้อยเอ็ด 35 ราย และยื่นขอคืนคำขออนุญาต 92 ราย ใน 45 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 487 ราย ใน 65 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 386 ราย ใน 64 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ได้เปิดดำเนินการแล้ว 310 ราย ใน 63 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 287 ราย ใน 60 จังหวัด โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้กับผู้มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้นๆ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี
