บลจ.กสิกรไทย ควัก 400 ล้าน จ่ายปันผล ABPIF
บลจ.กสิกรไทย ควัก 400 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล พร้อมลดทุนกอง ABPIF ครั้งที่ 10 รวม 0.7200 บาทต่อหน่วย จ่ายพร้อมกันวันที่ 28 ก.ย. นี้
นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่าง 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2561 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 12 ก.ย. 2561 ในอัตรา 0.2067 บาทต่อหน่วย พร้อมกับลดทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมครั้งที่ 10 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.5133 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ลงทุนจะได้เงินรวม 0.7200 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 432 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินวันที่ 28 ก.ย. 2561
![wittawat resize2[5860]](http://media.thansettakij.com/2018/09/wittawat-resize25860-418x503.jpg?x-image-process=style/lg-webp)
"ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 กองทุน ABPIF มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) ที่ 8.96% และจ่ายปันผล ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้ว 10 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 3.7277 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีกำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 206.87 ล้านบาท หรือ 0.3448 บาทต่อหน่วย"
ทั้งนี้ กองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จะสิ้นสุดลงในเดือนก.ย. 2562 ในขณะที่ สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565
ส่วนการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2561 นายวิทวัส กล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่า กองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง โดยดูจากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยทั้งปีจะขยายตัว 4.2-4.7% ตามการประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2561 ได้แก่ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความผันผวนค่อนข้างสูง จึงเป็นตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่าง 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2561 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 12 ก.ย. 2561 ในอัตรา 0.2067 บาทต่อหน่วย พร้อมกับลดทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมครั้งที่ 10 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.5133 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ลงทุนจะได้เงินรวม 0.7200 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 432 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินวันที่ 28 ก.ย. 2561
![wittawat resize2[5860]](http://media.thansettakij.com/2018/09/wittawat-resize25860.jpg)
"ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 กองทุน ABPIF มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) ที่ 8.96% และจ่ายปันผล ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้ว 10 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 3.7277 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีกำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 206.87 ล้านบาท หรือ 0.3448 บาทต่อหน่วย"
ทั้งนี้ กองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จะสิ้นสุดลงในเดือนก.ย. 2562 ในขณะที่ สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565
ส่วนการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2561 นายวิทวัส กล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่า กองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง โดยดูจากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยทั้งปีจะขยายตัว 4.2-4.7% ตามการประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2561 ได้แก่ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความผันผวนค่อนข้างสูง จึงเป็นตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
