เลือกตั้งชัดดูดเงินเข้าโบรกคาดจ่ออีกแสนล้าน จนถึงวันลงคะแนน

27 ก.ย. 2561 | 06:27 น.
 

การประกาศเลือกตั้งที่ชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มเชื่อมั่น บล.กสิกรไทยฯชี้ จากนี้ถึงเลือกตั้ง มีโอกาสที่เงินไหลเข้า 5 หมื่นถึงแสนล้านบาท ขณะที่ทหารไทยมองเศรษฐกิจไทยได้ปัจจัยบวกเพิ่มจากอีอีซี-เลือกตั้ง ส่งผลถูกมองเป็น Safe Haven

ท่ามกลางความเสี่ยงระบบการเงินโลกที่เพิ่มขึ้น จากความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าและเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (EM)ทั่วโลก แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลการค้า เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ระดับสูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศตํ่าทำให้นักลงทุนมองไทยเป็นที่ปลอดภัย(Safe Haven)ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ประกอบกับการเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันกลับมาลงทุนในไทย โดย ณ วันที่ 24 กันยายน นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรไทยสุทธิ 2.22 แสนล้านบาท แต่ยังคงขายหุ้นสุทธิ 6,534 ล้านดอลลาร์ํ่สหรัฐฯ

MP24-3404-A

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า คาดว่าปีนี้ ไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นกันชนสถานะด้านต่างประเทศของไทยได้เป็นอย่างดี ทำให้ดอกเบี้ยไม่อ่อนไหว แม้ดอกเบี้ยต่างประเทศจะอยู่ในช่วงปรับขึ้น ซึ่งธปท.ติดตามดูแลพฤติกรรมนักลงทุน อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย แต่ยังไม่พบพฤติกรรมเก็งกำไร

ส่วนเงินทุนที่ไหลเข้ามาตลาดเกิดใหม่และไทยนั้น มาจากสภาพคล่องมากกว่าหาผลตอบแทน เพราะเมื่อเทียบประเทศเพื่อนบ้านทั้งอาเซียนและเอเชียตะวันออก ดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับตํ่าและธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกรอบทำให้ดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯ มีส่วนต่าง 75 สตางค์

“ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย เป็นหนึ่งในปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุน แต่ภาพใหญ่ตลาดให้ความสำคัญความเสี่ยงและในไทยมีปัจจัยบวกมากกว่า เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดขึ้น การเมืองที่จะมีการเลือกตั้งชัดเจน แต่อัตราดอกเบี้ยตลาดเงินโลกมีแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งธปท.พยายามติดตามดูแลไม่ให้เกิดการเข้ามาพักเงิน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบพฤติกรรมเก็งกำไร”

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า คาดเงินทุนนักลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในไทยตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งประมาณ 50,000 - 1 แสนล้านบาท หลังจากมีความชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างเร็วประมาณวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 และอย่างช้าวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2556 จากความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกแล้วประมาณ 5.5 แสนล้านบาท

[caption id="attachment_323725" align="aligncenter" width="328"] ประกิต ประกิต สิริวัฒนเกตุ[/caption]

นอกจากนั้นมองว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังดี แม้คาดว่า จีดีพีจะโต 4.2% แต่เป็นเติบโตจากฐานที่สูงที่คาดว่าปีนี้ จะโตที่ 4.4% โดยจะมาจากกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยเฉพาะในฐานรากอย่างการคืนเงินภาษีให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่การลงทุนในประเทศจะช่วยดันการปล่อยสินเชื่อ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น

นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบีกล่าวว่า เงินไหลเข้ายังไม่น่าห่วง เป็นอาการชั่วคราวระยะสั้น และไม่ได้ไหลเข้าสุทธิเพียงตลาดเดียว โดยตัวเลขต้นเดือนกันยายนพบว่า มีเงินไหลเข้าพันธบัตร 4.08 หมื่นล้านบาท และไหลเข้าตลาดหุ้นราว 7,500 ล้านบาท สะท้อนต่างชาติปรับพอร์ตลงทุน โดยทิ้งหุ้นและไหลเข้าพันธบัตร ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

“ไทยมีปัจจัยบวกที่เพิ่มเข้ามาหรือ On top จากปัจจัยปกติคือ การเมืองที่ชัดเจนขึ้น และการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) จากเดิมที่มีเรื่องเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 10% ของจีดีพี ขณะที่ไตรมาส 2 จีดีพีขยับขึ้น 4.8% ซึ่งเรื่องนี้ต้องชมภาครัฐว่า วางแผนการลงทุนได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าอีอีซีไม่เป็นจริง จะทำให้คำว่า Safe Haven หายไป แต่เงินที่หายไป ก็ไม่ได้มีผลเท่าเงินที่มีอยู่ ทำให้บาทแข็ง ถ้าเทียบกับดอลลาร์สิงคโปร์ ที่อ่อนค่าลง เพราะสิงคโปร์ไม่มีสตอรี่การเติบโต หรือมีอีอีซีแบบไทย”

ด้านนายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 4% ไม่มีปัญหาต่อเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเป็นการเคลื่อนไหวในภาวะปกติจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดขึ้นและกระทรวงการคลังส่งสัญญาณเศรษฐกิจและการลงทุนไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดเงินต่างประเทศมีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ยิ่งกดดันผลตอบแทนปรับลดลง ส่งผลเงินทุนไหลเข้าไทย ซึ่งไม่ใช่ประเด็นน่าห่วง และเชื่อว่าเครื่องมือที่ธปท.มีอยู่เพียงพอต่อการดูแลแม้แนวโน้มเงินทุนไหลเข้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการใดๆ

 

595959859 หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,404 วันที่ 27 - 29 กันยายน พ.ศ. 2561