‘พลังประชารัฐ’ เปิดตัว ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ นำพรรค

สนามการเมืองระดับประเทศคึกคักขึ้นมา นับตั้งแต่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งมาตรา 44 คลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้บ้าง และล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ประกาศจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัดออกมา

นอกจากความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองน้อยใหญ่แล้ว กลุ่มพลังประชารัฐ ที่มีกระแสว่า “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้จัดตั้งพรรคขึ้น เพื่อสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯอีกครั้ง กำลังถูกจับตามองเช่นเดียวกัน

เมื่อปรากฏชื่อ “อุตตม สาวนายน” รมว.อุตสาหกรรม และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์ 2 คีย์แมนคนสำคัญซึ่งร่วมบริหารงานด้านเศรษฐกิจอยู่ในรัฐบาล คสช.เวลานี้ว่า จะมาเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการ “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.)

แหล่งข่าวในกลุ่มพลังประชารัฐรายหนึ่ง ยืนยันกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นวันนัดประชุมใหญ่กลุ่มพลังประชารัฐ ที่อิมแพ็คเมืองทองธานีนั้น “อุตตม” พร้อมด้วย “สนธิรัตน์” จะไปเปิดตัวในฐานะผู้นำพรรคพลังประชารัฐ ในวันดังกล่าว ทั้งยังมีสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วมด้วย

จะเห็นได้ว่า ทั้งหมดต่างเป็นผู้ที่ สมคิด คัดสรรมากับมือ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และได้สร้างผลงานร่วมกันเอาไว้ภายใต้ชื่อ “ประชารัฐ”
“อุตตม”ขุนพลอีอีซี

สำหรับ อุตตม ในฐานะรมว.อุตสาหกรรม ถูกคาดหมายว่า จะมานั่งเก้าอี้ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั้น เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2503 ปัจจุบันอายุ 58 ปี จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยบราวน์ สหรัฐฯ ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (การเงินและธุรกิจระหว่างประเทศ) Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น สหรัฐฯ ปริญญาเอก สาขาบริหารการเงิน School of Management, University of Massachusetts-Amherst สหรัฐฯ

เคยเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารสถาบันการเงินเอกชน อดีตแกนหลักของสถาบันอนาคตไทยศึกษา ได้ทำงานเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา เคยเป็นรองคณบดีฝ่ายวิชาการ และอาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 เคยเป็นที่ปรึกษารมว.คลัง (ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

[caption id="attachment_322563" align="aligncenter" width="503"] อุตตม สาวนายน[/caption]

ต่อมาในปี 2558 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์แต่ได้ยื่นลาออกเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2559 เพื่อให้มีการแต่งตั้ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นกระทรวงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ คล้อยหลังเพียง 3 วัน ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯ กระทั่งได้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคม 2559

อุตตม มีส่วนขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โครงการชิ้นโบแดงที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้ อีอีซี เป็นความหวังใหม่ที่จะยกระดับประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก เป็นจุดเริ่มต้นที่จะผลักดันประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 แบบก้าวกระโดด

เมื่อพลิกดูรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งไว้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้น รมว.ไอซีที ครบ 1 ปี พบว่า อุตตมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ประมาณ 210 ล้านบาท และเมื่อครั้งพ้นจากตำแหน่ง มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ที่ 207 ล้านบาท


“สนธิรัตน์” ขวัญใจรากหญ้า

ส่วนสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เกิดวันที่ 19 มีนาคม 2503 อายุ 58 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวัสดุศาสตร์  และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้เป็น รองประธานและประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิสัมมาชีพ ช่วยสร้างอาชีพให้กับชุมชน เป็นอนุกรรมการคณะทำงานพัฒนาเศรษฐกิจและทุนชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เลขาธิการสมาคมบ้านจัดสรร กรรมการบริหารสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย

กระทั่ง มาสมัครเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการการเมือง ทำงานจนหมดวาระ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารมว.อุตสาหกรรม สมัยของอรรชกา สีบุญเรือง ก่อนถูกแต่งตั้งให้เป็น รมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ช่วงที่นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วย สนธิรัตน์ ทำงานกำกับดูแลงานด้านการค้าภายในประเทศเป็นหลัก ดูแลงานกรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญา

[caption id="attachment_322589" align="aligncenter" width="503"] สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์[/caption]

กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจขยับให้ขึ้นเป็นรมว.พาณิชย์ ได้ดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ผลงานที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ คือ “ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ” ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย สอดรับกับแนวนโยบายของรัฐที่มุ่งดูแลเศรษฐกิจฐานราก

สนธิรัตน์ ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเป็น รมช.พาณิชย์ มีราว 113 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน

เส้นทางและผลงานการทำงานของทั้งคู่ จึงถือได้ว่า เป็นมือซ้ายขวาของ สมคิด กุนซือด้านเศรษฐกิจให้กับ คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในการดูแลปัญหาเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในระดับรากหญ้า

‘สุวิทย์-กอบศักดิ์’ลุยการเมืองเต็มตัว

สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นหนึ่งใน “ทีมสมคิด”มายาวนาน โดดเด่นจากทักษะความสามารถในการ “ย่อย” หลักคิดยุทธศาสตร์การแข่งขันในเวทีโลกให้ชาวบ้านเข้าใจ ตั้งแต่ทฤษฎี“ดูอัล แทร็ก” ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนถึง “ไทยแลนด์ 4.0” ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

พร้อมกับบทบาทที่ขยับจากคณะทำงาน ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกที่เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ก่อนย้ายเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลด้านการประสานหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ งบ ประมาณ และทำยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ต่อเนื่องจากข้อเสนอปฏิรูปประเทศของสปช.และสนช. ในแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี สู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว

จากนั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อใช้เทคโนโลยีและงานวิจัยสร้างนวัตกรรมในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย
สุวิทย์ เกิดเมื่อปี 2504 จบระดับมัธยมจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ปริญญาตรีคณะเภสัชศาสตร์ มหิดล แล้วไปต่อด้านการตลาดจากคณะบริหารธุรกิจ นิด้า ก่อนไปคว้าปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น สหรัฐฯ แหล่ง “บิสิเนสสกูล”ชื่อก้องของโลก เชี่ยวชาญด้านการตลาดในสายกูรูการตลาด “ฟิลลิป คอตเลอร์”

ด้าน กอบศักดิ์ ภูตระกูล จัดเป็น “ทีมสมคิด” หน้าใหม่สดๆ ร้อนๆ จากนักเศรษฐศาสตร์หนุ่มดาวรุ่งรางวัล “ป๋วย อึ๊งภากรณ์” ปี 2552 เชี่ยวชาญด้านการเงิน-การคลัง และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค จากประสบการณ์การทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เคยไปช่วยงานที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลาออกไปทำงานภาคเอกชนขึ้นถึงผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ธนาคารกรุงเทพ
โดดเข้าสู่บทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิก สภาปฏิรูปประเทศ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ ทำแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ

จากนั้นไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ช่วยการแถลงข่าวด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ก่อนขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเต็มตัว

เลือกตั้งส.ส.ปี 2562 นี้ ทั้ง 2 จะสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ลุยการเมืองเต็มตัว

|เกาะติดเลือกตั้ง
|เซกชั่นการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3403 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 23-26 ก.ย.2561