เปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนรายได้ปีนี้แตะ 8.5 หมื่นล้าน

22 ก.พ. 2559 | 03:00 น.
จากผลงานอันโดดเด่นของการบริหารทีมสโมสรฟุตบอล "เลสเตอร์ ซิตี้" ร่วมกับคุณพ่อ-วิชัย ศรีวัฒนประภา บอสใหญ่แห่งคิงเพาเวอร์ หลังเข้าไปซื้อกิจการมาเมื่อปี 2553 จากภาระหนี้ร่วม 103 ล้านปอนด์ (ราว 5 พันกว่าล้านบาท) ก้าวขึ้นมาทำกำไรได้สำเร็จ และกำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นไม่แปลกที่เมื่อถึงคราวส่งไม้ต่อธุรกิจของคิงเพาเวอร์ ให้ทายาทรุ่น 2 "อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา" หรือคุณต๊อบ จึงถูกมอบหมายให้นั่งแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งการบริหารในมุมมองคนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร และคุณวิชัยมีความคาดหวังต่อซีอีโอหนุ่มวัย 30 ปีนี้คนนี้อย่างไร และได้วางรากฐานถึงทิศทางของคิงเพาเวอร์จากนี้ไว้อย่างไรเพื่อให้ทายาทเข้ามาสานต่อ อ่านได้จากบทสัมภาษณ์

 เน้นทำงานแบบอี-บิสิเนส

คุณต็อบ เปิดใจว่า การทำงานที่ผ่านมาเขาทำงานใกล้ชิดกับคุณวิชัยมาโดยตลอด จึงได้รับการไว้วางใจที่จะให้โอกาสเขาในการขับเคลื่อนการทำงานของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งสิ่งที่เขาจะทำ คือ การสานต่อการทำงานจากคุณพ่อนั่นเอง ขณะเดียวกันการทำงานร่วมกับทีมงานที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรองประธาน หรือตำแหน่งต่างๆ ยังต้องรักษาจุดยืนการทำงานร่วมกันเป็นทีมเหมือนเดิม แต่จะมาปรับเปลี่ยนในเรื่องของวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ที่เป็นมุมมองของคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมการทำงาน ที่จะเน้นในเรื่องของอี-บิสิเนส ใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ การเพิ่มช่องทางขายผ่านทางออนไลน์ทั้งในส่วนของเว็บไซต์ของคิงเพาเวอร์เอง คือ www.kingpower.com และเว็บไซต์ที่คิงเพาเวอร์ได้ไปร่วมมือกับจีน www.tmall.com ซึ่งผลักดันการขายสินค้าแบรนด์ไทยในตลาดจีน

รวมไปถึงร่วมมือกับพันธมิตรในการเจาะกลุ่มลูกค้าให้เข้าถึงพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนในสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างการที่คิงเพาเวอร์ ออกบัตรเครดิตคิงเพาเวอร์-กสิกรไทย เป็นอีกหนึ่งการทำงานที่เจาะกลุ่มนักนักช็อปที่เดินทางบ่อย เพราะจากผลสำรวจของวีซ่า พบว่า คนไทยกว่า 98% พกบัตรเดรดิตเพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง นอกจากนี้ เขายังมองการผลักดันการขายผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่มนักช็อปที่เป็นกลุ่มเจเนอร์เรชั่นใหม่ๆ

ขณะเดียวกันคุณต๊อบ ยังวางน้ำหนักที่จะรักษาฐานลูกค้าของคิงเพาเวอร์ในไทยให้มากขึ้น เพราะเขามองว่า โลกสมัยนี้ทุกคนแข่งขันสูงขึ้น และเขายังมองเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในไทยที่จะเติบโตได้อีก ทั้งการเพิ่มกลุ่มนักช็อปให้เพิ่มขึ้น และการกระตุ้นการใช้จ่ายของสมาชิกบัตรคิงเพาเวอร์ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่คิงเพาเวอร์มีสมาชิกอยู่จำนวนราว 6 แสนคน ขณะที่การสร้างแบรนด์ของคิงเพาเวอร์ในต่างประเทศ เขามองว่า ปัจจุบันถือว่าได้รับการยอมรับจากต่างประเทศในระดับหนึ่งผ่านสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คนส่วนใหญ่รู้ว่า คิงเพาเวอร์เป็นเจ้าของ

 เป้าเพิ่มรายได้คิงเพาเวอร์ 25%

สำหรับเป้าหมายรายได้ของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ในปี 2559 ซึ่งมีทั้งรายได้จากดิวตี้ฟรี โรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ และภัตตาคารรามายณะ วางไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นอีก 25% คือ มีรายได้รวมอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกว่า 70% เป็นรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรี ทั้งที่สนามบินหลักของไทย 4 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินหาดใหญ่ สนามบินเชียงใหม่ และดิวตี้ฟรีในเมือง 3 แห่ง คือ คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ คิงเพาเวอร์ ศรีวารี และคิงเพาเวอร์ ภูเก็ต ส่วนอีก 20% เป็นรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยถือว่า เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ปิดรายได้อยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านบาท เฉพาะธุรกิจดิวตี้ฟรีอยู่ที่ 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งฐานลูกค้ากว่า 51% เป็นนักท่องเที่ยวจีน อีก 20% เป็นคนไทย ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ

" การวางเป้ารายได้ในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 25% เป็นเพราะเริ่มมีการรับรู้รายได้ของ คิงเพาเวอร์ ภูเก็ตที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้ และการเติบโตของรายได้ที่สอดรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น"

นอกจากนี้เขายังมองไปถึงการพัฒนาโปรดักส์ของสินค้า โดยเฉพาะสินค้าโอท็อปของไทย ที่จะนำมาวางขายในดิวตี้ฟรีให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของคิงเพาเวอร์ เพราะผลไม้แปรรูป ขนมต่างๆ ของไทยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน

 เลสเตอร์ซิตี้ยืดหยัดพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตามแม้เขาจะนั่งเป็นซีอีโอของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ แต่การทำงานบริหารทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เขานั่งเป็นรองประธานสโมสรอยู่เดิม ยังต้องนั่งควบกันอยู่ แต่การบริหารงานต้องแยกเรื่องของกีฬากับธุรกิจออกจากกัน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเลสเตอร์ซิตี้ ยืดหยัดอยู่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันไปได้ดี และเลสเตอร์ ซิตี้ ก็มีรายได้เติบโตขึ้น จากค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อยู่ที่ 68-70 ล้านปอนด์

เขายังกล่าวว่า ในปีนี้แม้เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทีมที่เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ส่วนการลงทุนขยายจำนวนที่นั่งในสนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์เพิ่มอีกราว 1 หมื่นที่นั่ง จาก 3.2 หมื่นที่นั่งเป็น 4.2 หมื่นที่นั่ง หากได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานของเมืองเลสเตอร์เมื่อไหร่ ก็พร้อมลงทุนทันที

ในด้านการบริหารที่ต้องกุมบังเหียนทั้งธุรกิจของคิงเพาเวอร์และเลสเตอร์ ซิตี้ไปพร้อมๆ กัน คุณต็อบมองว่า ด้วยการบริหารงานในทีมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำมากว่า 5 ปี ผมได้วางระบบไว้มากแล้ว อีกทั้งโลกทุกวันนี้เป็นโลกแห่งอินเตอร์เน็ตและดิจิตอล ทำให้การทำงานทั้งในเมืองไทยและที่อังกฤษมีความคล่องตัวการทำงานใน 2 หน้าที่ก็ทำควบคู่กันไปได้เป็นอย่างดี

 วางหมากขยายสู่ต่างประเทศ

ขณะที่นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ เปิดเผยถึงการส่งไม้ต่อให้ทายาทเข้ามานั่งบริหารงานเต็มตัว เพราะวันนี้เป็นโลกของเทคโนโลยี จึงอยากให้คนรุ่นใหม่ที่รู้จักเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีมาช่วยทำงาน ผลักดันการขายสินค้าดิวตี้ฟรี และการกระตุ้นการซื้อสินค้าไทยผ่านเว็บไซต์ รวมไปถึงช่องทางการขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ส่วนการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรี นอกจากธุรกิจปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว ยังมองโอกาสที่ขยายดิวตี้ฟรีใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอตัวดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีในสนามบินนานาชาติของไทย อย่างสนามบินอู่ตะเภา ก็พร้อมจะเข้าเสนอตัวหากมีการเปิดประมูล รวมถึงการมองการขยายไปยังต่างประเทศ ที่น่าจะเห็นได้ในปี 2560 โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี อาทิ เมียนมา ซึ่งในญี่ปุ่นน่าจะเห็นได้ก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางญี่ปุ่นในการร่วมลงทุน ซึ่งมองไว้ที่ในสนามบินและในเมือง การลงทุนดิวตี้ฟรีในไทยและในประเทศใกล้เคียง การลงทุนจะอยู่ที่ราว 4 พันล้านบาท แต่หากเป็นการลงทุนในญี่ปุ่นน่าจะอยู่ที่ราว 8 พันล้านบาท ส่วนการลงทุนดิวตี้ฟรีในประเทศกลุ่มเออีซี คงมองที่ในสนามบินเท่านั้น

ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางของคิงเพาเวอร์ หลังการส่งไม้ต่อให้ทายาทรุ่น 2 ดูแลเต็มตัวในขณะนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559