"สามารถแฉเบื้องลึก" ทอท. เดินหน้าสร้าง 'เทอร์มินัล 2' เมินขยายเทอร์มินัล 1

23 ก.ย. 2561 | 03:13 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

"สามารถ ราชพลสิทธิ์" อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเฟซบุ๊กแฉเบื้องลึกการท่าอากาศยานไทยเดินหน้าสร้างอาคารผู้โดยสาร (เทอร์มินอล) 2 แต่เมินขยายเทอร์มินอล 1

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเฟซบุ๊กกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู กรณี "บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะทำการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิ ในประเด็นความเหมาะสมของแบบและตำแหน่งที่ตั้งของอาคาร ซึ่งไม่ตรงกับตำแหน่งที่มีการจัดเตรียมไว้ในแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ" ว่า แผนแม่บทนี้จัดทำโดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาของ ทอท. โดยมีบริษัท หลุยส์ เบอร์เจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังของอเมริการ่วมอยู่ด้วย

ในช่วงหนึ่งของการทำงานของผม ผมมีอาชีพเป็นวิศวกรที่ปรึกษาด้านคมนาคมขนส่ง โดยได้มีโอกาสทำงานในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย อีกทั้งได้ทำงานกับ บริษัท หลุยส์ เบอร์เจอร์ฯ อยู่หลายปี ในช่วงระยะเวลาที่ทำงานในสังกัดของ บริษัท หลุยส์ เบอร์เจอร์ฯ ประมาณปี 2533-2534 ผมได้ร่วมศึกษาและจัดทำแผนแม่บทระบบท่าอากาศยานทั่วประเทศไทย (Airport System Master Plan Study) ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพฯ พบว่า กรุงเทพฯ จำเป็นจะต้องมีสนามบินแห่งใหม่ และประมาณปี 2535-2536 ผมได้ร่วมจัดทำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิพอสมควร


สามารถ

ตามแผนแม่บทดังกล่าว อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จะตั้งอยู่ทางด้านใต้ของอาคารผู้โดยสารในปัจจุบัน หรือ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 โดยจะมีทางเข้าออกจากถนนบางนา-ตราดเป็นหลัก ในขณะที่ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 มีทางเข้าออกจากมอเตอร์เวย์เป็นหลัก การเดินทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารทั้งสอง จะมีรถไฟฟ้าไร้คนขับ (Automated People Mover หรือ เอพีเอ็ม) ให้บริการ แต่อย่างไรก็ตาม อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ที่ ทอท. กำลังจะดำเนินการก่อสร้างนั้น ไม่ได้มีตำแหน่งตรงกับแผนแม่บท โดย ทอท. ได้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 หากเดินทางเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิจากมอเตอร์เวย์ อาคารนี้จะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 การเปลี่ยนตำแหน่งของอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จะมีผลกระทบต่อภาพรวมในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิอย่างไร เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจ ด้วยเหตุนี้ ทอท. จะต้องชี้แจงให้สาธารณชนได้รับรู้

ตามแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นั้น ทอท. จะต้องขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ออกไปทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านตะวันออกและด้านตะวันตก เพื่อเพิ่มความจุให้อาคาร เหตุที่ ทอท. ไม่ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ให้ครบถ้วนตามแบบตั้งแต่ตอนแรก ก็เพราะว่ารัฐบาลในขณะนั้นต้องการลดงบประมาณการก่อสร้าง จึงได้ตัดพื้นที่ดังกล่าวออกไป พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุบางส่วน จึงทำให้ค่าก่อสร้างถูกลง จากราคากลางเดิม 45,000 ล้านบาท เหลือ 36,000 ล้านบาท

เหตุใด ทอท. ไม่ขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ก่อนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ก่อนเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 28 ก.ย. 2549 ทอท. และบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด หรือ เคพีเอส ได้ร่วมลงนามในสัญญาโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ สัญญาที่ ทสภ.1-01/2548 ลงวันที่ 25 มี.ค. 2548 อายุสัญญา 10 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2549 ถึงวันที่ 27 ก.ย. 2559 โดยเคพีเอสเสนอที่จะทำกิจกรรมร้านอาหารและเครื่องดื่มแบบ Jungle Garden บริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งอยู่ด้านตะวันออกของอาคาร ต่อมาเคพีเอสมีหนังสือที่ คพส. 040/2548 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2548 ถึง ทอท. ขอพื้นที่สร้างอาคาร City Garden ขนาด 2 ชั้น บริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ โดยพื้นที่ชั้นที่ 1 จะทำเป็นสำนักงาน และชั้นที่ 2 จะทำกิจกรรมร้านอาหารและเครื่องดื่ม

เพื่อให้รู้ถึงตำแหน่งของอาคาร City Garden อย่างชัดเจน หากเราเดินทางไปต่างจังหวัด จะต้องเดินไปที่ประตูขึ้นเครื่อง หรือ เกทที่ต้องการ บนชั้นที่ 2 ของอาคารผู้โดยสาร หลังจากสิ้นสุดทางเลื่อนแล้วให้เลี้ยวซ้าย จะเห็นร้าน Boots อยู่ที่หัวมุม ถัดจากร้าน Boots ให้เลี้ยวซ้ายก็จะถึงร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งขายดีมาก

ต่อมาในวันที่ 19 ต.ค. 2548 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารและพัฒนากิจการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีมติเห็นชอบตามที่เคพีเอสร้องขอ แต่ได้ระบุชัดว่า หาก ทอท. มีแผนขยายอาคารผู้โดยสาร เคพีเอสจะต้องรื้อถอนอาคาร City Garden ออกไป ซึ่งตามรายงานการประชุมดังกล่าว ในหน้าที่ 7 ข้อ 2.4 ระบุว่า "อาคารดังกล่าวจะใช้งานประมาณ 5-10 ปี และหาก ทอท. มีแผนขยายอาคารที่พักผู้โดยสาร บริษัทฯ มีความยินดีจะปรับรื้ออาคารดังกล่าวออกให้ต่อไป"

อีกทั้งในวันที่ 5 ม.ค. 2549 ทอท. ได้มีหนังสือเลขที่ ทอท. (สคก.) 4/2549 ถึงเคพีเอส โดยเน้นย้ำชัด ๆ ว่า ทอท. ขอแจ้งให้ทราบว่า จะมีโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 3 ในปี 2553 โดยมีการขยายอาคารที่พักผู้โดยสารทั้ง 2 ด้าน (ตะวันออกและตะวันตก) ซึ่งจะกระทบต่ออาคารของบริษัทฯ เนื่องจากอาจจะต้องมีการรื้อย้ายอาคาร City Garden ในภายหลัง"

ในเวลาต่อมา ทอท. ได้ปรับเปลี่ยนแผนโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้มีแผนที่จะขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออก ในระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) ซึ่งมีวงเงิน 4,825.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ทอท. อ้างว่า จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี แต่อย่างไรก็ตาม โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ก็ไม่มีงานขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกรวมอยู่ด้วย


090861-1927-9-335x503-8-335x503-5-335x503

คำถามที่เกิดขึ้น ก็คือ ทำไม ทอท. จึงดึงงานขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกออกจากโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 และทำไม ทอท. จึงไม่มีคำสั่งให้เคพีเอสรื้ออาคาร City Garden ออกไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ ทั้ง ๆ ที่มีการใช้งานอาคารดังกล่าวเกิน 10 ปีแล้ว และทั้ง ๆ ที่เคพีเอสก็มีความยินดีที่จะรื้ออาคารดังกล่าวตามที่ได้ระบุไว้ชัดเจนในรายงานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารและพัฒนากิจการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันพุธที่ 19 ต.ค. 2548

หาก ทอท. เลือกที่จะขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะใช้งบประมาณและเวลาน้อยกว่าการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคนต่อปี (ประมาณการจากตัวเลขของ ทอท. ที่อ้างว่า การขยายอาคารด้านตะวันออกเพียงด้านเดียวจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี) ดังนั้น การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งมีวงเงินถึง 42,084 ล้านบาท โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีเช่นเดียวกัน ก็สามารถชะลอออกไปได้

ทั้งหมดนี้ ด้วยความห่วงใย ทอท. ไม่อยากให้ ทอท. ถูกครหาว่า การไม่ขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เคพีเอสเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว