โบรกมองบวกหุ้น‘THAI’ แผนปฏิรูปหนุนโตมั่นคง
โบรกฯ มองแผนยุทธศาสตร์ THAI สู่เป้าหมายสายการบินท็อป 5 โลก หนุนระยะยาวเติบโตแกร่ง ลุ้นรายได้ไตรมาส 4 รับอานิสงส์ท่องเที่ยว-เพิ่มความถี่เที่ยวบิน บล.เคจีไอฯ คงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.10 บาท/บล.กรุงศรีฯ คงมุมมองเป็นกลาง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนโยบายให้การบินไทย (THAI) (20 กันยายน 2561) เร่งจัดแผนยุทธศาสตร์ภายใน 3 เดือน โดยเน้นไปเรื่อง 1. แผนการจัดฝูงบิน 2. แผนการจัดเส้นทางบิน และ 3. แผนการหารายได้เพิ่ม รวมไปถึงต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ THAI ขยับขึ้นมาเป็นสายการบินระดับท็อป 5ของโลกภายในปี 2565 (จากระดับ 10 ในปัจจุบัน) และจะทำให้เป็นสายการบินแห่งชาติระดับพรีเมียมที่มีกําไรแข็งแกร่ง พร้อมทั้งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ธ.กรุงไทย, ท่าอากาศยานไทย, และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) จะต้องร่วมมือกับ THAI เพื่อสนับสนุนให้ THAI ประสบความสำเร็จตามพันธกิจที่กำหนดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เนื่องจากกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแล
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ เผยแพร่วันที่ 21 กันยายน 2561 คาดว่า ผลการดำเนินงานของ THAI จะดีขึ้นในระยะยาว จากการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ที่จะเริ่มใช้ภายในต้นปีหน้า ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมไตรมาส 3 ปีนี้ยังทรงตัว แต่ผลตอบแทน (Yield) ผู้โดยสารคาดจะเพิ่มขึ้น (YoY) ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตแกร่งที่สุด จากฤดูการท่องเที่ยว และการบริหารต้นทุนดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทไม่มีการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงนี้ โดยยังคงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 16.10 บาท (อิงจาก P/BVที่ 0.85 X)
ด้านบล.กรุงศรีฯ ระบุว่าแผนการปฏิรูป THAI เพื่อเป็นท็อป 5 ของสายการบินโลก จะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ตามแผนคาดจะเพิ่ม cabin factor เป็น 80% จาก 78-79% ในปี 2559-2560, เพิ่มรายได้เสริมเป็น 5-20% ของรายได้รวม จาก 2.2% และส่วนแบ่งรายได้ที่ไม่ใช่รายได้หลัก (non-core) มาอยู่ที่ 15-20% จาก 10%
อย่างไรก็ดีในส่วนของผลประกอบการครึ่งหลังปีนี้ ยังมีความท้าทายจากการทำกำไรได้ในไตรมาส 3/2561 คาด Cabin Factor จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (QoQ ) 78.2% เนื่องจากการยกเลิกเที่ยวบินจากประเทศญี่ปุ่นหลายเที่ยว (16% ของรายได้จากปีก่อน) และเที่ยวบินของฮ่องกง (3% ของรายได้) จากพายุไต้ฝุ่น แต่คาด THAI จะกลับมามีกำไรอีกครั้งในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย นอกจากนี้ THAI มีแผนที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปญี่ปุ่นจาก 77 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2561
ด้านบล.กรุงศรีฯ มีมุมมองเป็นกลางที่ราคาเป้าหมายที่ 16.10 บาท เนื่องจากกำไร THAI ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากราคานํ้ามันที่ปรับขึ้น
ราคาหุ้น THAI เฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 15.30 บาท ปรับเพิ่ม 13-14% เทียบราคาปิดเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ 13.50 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,403 วันที่ 23-26 กันยายน 2561
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนโยบายให้การบินไทย (THAI) (20 กันยายน 2561) เร่งจัดแผนยุทธศาสตร์ภายใน 3 เดือน โดยเน้นไปเรื่อง 1. แผนการจัดฝูงบิน 2. แผนการจัดเส้นทางบิน และ 3. แผนการหารายได้เพิ่ม รวมไปถึงต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ THAI ขยับขึ้นมาเป็นสายการบินระดับท็อป 5ของโลกภายในปี 2565 (จากระดับ 10 ในปัจจุบัน) และจะทำให้เป็นสายการบินแห่งชาติระดับพรีเมียมที่มีกําไรแข็งแกร่ง พร้อมทั้งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ธ.กรุงไทย, ท่าอากาศยานไทย, และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) จะต้องร่วมมือกับ THAI เพื่อสนับสนุนให้ THAI ประสบความสำเร็จตามพันธกิจที่กำหนดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เนื่องจากกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแล
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ เผยแพร่วันที่ 21 กันยายน 2561 คาดว่า ผลการดำเนินงานของ THAI จะดีขึ้นในระยะยาว จากการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ที่จะเริ่มใช้ภายในต้นปีหน้า ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมไตรมาส 3 ปีนี้ยังทรงตัว แต่ผลตอบแทน (Yield) ผู้โดยสารคาดจะเพิ่มขึ้น (YoY) ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตแกร่งที่สุด จากฤดูการท่องเที่ยว และการบริหารต้นทุนดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทไม่มีการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงนี้ โดยยังคงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 16.10 บาท (อิงจาก P/BVที่ 0.85 X)
ด้านบล.กรุงศรีฯ ระบุว่าแผนการปฏิรูป THAI เพื่อเป็นท็อป 5 ของสายการบินโลก จะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ตามแผนคาดจะเพิ่ม cabin factor เป็น 80% จาก 78-79% ในปี 2559-2560, เพิ่มรายได้เสริมเป็น 5-20% ของรายได้รวม จาก 2.2% และส่วนแบ่งรายได้ที่ไม่ใช่รายได้หลัก (non-core) มาอยู่ที่ 15-20% จาก 10%
อย่างไรก็ดีในส่วนของผลประกอบการครึ่งหลังปีนี้ ยังมีความท้าทายจากการทำกำไรได้ในไตรมาส 3/2561 คาด Cabin Factor จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (QoQ ) 78.2% เนื่องจากการยกเลิกเที่ยวบินจากประเทศญี่ปุ่นหลายเที่ยว (16% ของรายได้จากปีก่อน) และเที่ยวบินของฮ่องกง (3% ของรายได้) จากพายุไต้ฝุ่น แต่คาด THAI จะกลับมามีกำไรอีกครั้งในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย นอกจากนี้ THAI มีแผนที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปญี่ปุ่นจาก 77 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2561
ด้านบล.กรุงศรีฯ มีมุมมองเป็นกลางที่ราคาเป้าหมายที่ 16.10 บาท เนื่องจากกำไร THAI ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากราคานํ้ามันที่ปรับขึ้น
ราคาหุ้น THAI เฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 15.30 บาท ปรับเพิ่ม 13-14% เทียบราคาปิดเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ 13.50 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,403 วันที่ 23-26 กันยายน 2561
