MBKETรุกตราสารอนุพันธ์

24 ก.ย. 2561 | 00:28 น.
 

>> ขยายฐานรายได้ชดเชยธุรกิจนายหน้าแข่งขันดุ
MBKET รุกเพิ่มรายได้ตราสารอนุพันธ์-วาณิชธนกิจ รับสถานการณ์แข่งขันสูง-พนง.ถูกซื้อตัว ทำรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ 6 เดือนแรกลดลง 8% เหลือ 893.31 ล้านบาท ฉุดส่วนแบ่งตลาดตกมาเป็นอันดับ 2 ที่ระดับ 6% มั่นใจครึ่งปีหลังดีกว่า

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ MBKET กล่าวถึงทิศทางธุรกิจบริษัทว่า  จากสถานการณ์แข่งขันและการดึงตัวพนักงาน ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ด้านหลักทรัพย์ของบริษัทลงมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 6% โดยฐานลูกค้าหลักยังเป็นนักลงทุนบุคคล มีจำนวนบัญชี   2.08 แสนบัญชี เป็นบัญชีที่ยังแอกทีฟ 7.4 หมื่นบัญชี และมีจำนวน 45 สาขา (จาก 2 ปีที่แล้วมี 59 สาขา) เนื่องจากลูกค้าหันไปเทรดผ่านมือถือมากขึ้น

[caption id="attachment_321457" align="aligncenter" width="352"] มนตรี ศรไพศาล มนตรี ศรไพศาล[/caption]

6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 261.88 ล้านบาท ลดลง  30.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 375.98 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,557 ล้านบาท รายได้ที่ลดส่วนใหญ่มาจากรายได้การซื้อขายหลักทรัพย์  ลดจาก 971.72 ล้านบาทในงวดครึ่งแรกของปีที่แล้วมาเป็น 893.31  ล้านบาท ลดลง 8.07% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลงจาก 150.31 ล้านบาท เป็น 27.78 ล้านบาท หรือลดลงถึง  81.52% โดยเฉพาะด้านวาณิชธนกิจ จากรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 99.91 ล้านบาท และ 22.81 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ เพิ่มขึ้น 7.44  ล้านบาท และ 5.67 ล้านบาท ตามลำดับ

“ปีที่แล้วเรามีพนักงานฟูลทีมมาเริ่มเสียพนักงานไปตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่กระทบมากคือด้านวาณิชธนกิจ ส่วนหนึ่งเพราะงานที่ปรึกษาทางการเงินปีที่แล้วจะกระจุกในครึ่งปีแรก  แต่ปีนี้ครึ่งแรกกลับเข้ามาน้อยแต่จะมากในช่วงปลายปี ก็หวังว่าปีนี้จะเป็นจุดตํ่าสุด  โดยทิศทางจากนี้ MBKET จะเน้นเพิ่มรายได้จากตราสารอนุพันธ์ วาณิชธนกิจ และขยายด้านอื่นๆเพิ่ม” นายมนตรี กล่าว MP18-3403-A

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ MBKET กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเชื่อว่าครึ่งปีหลังแนวโน้มจะดีกว่าครึ่งปีแรกมาก ทั้งงานด้าน IPO ซึ่งมีในมือแล้ว10 ดีล อาทิ บมจ.เจ้าพระยามหานคร  (CMC ) ที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักรัพย์ MAI ในไตรมาส 4 ปีนี้ และมีกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ประ มาณ 3 -4 พันล้านบาทจะระดมทุนในตลาดปลายปีนี้ และภายในครึ่งแรกปี 2562 มี 2 บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาร์เก็ตแคปรวมกัน 3 หมื่นล้านบาท เป็นธุรกิจพลังงานในเมียนมาคือ บริษัทในเครือ TTCL (ถือหุ้นใหญ่โดย TTCL Power Holding Pte ในสิงคโปร์) อีกรายเป็นบริษัทในกัมพูชา มาร์เก็ตแคป 2 หมื่นล้านบาท

“งานปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นดีลควบรวมซื้อกิจการ  (Mergers and Acquisitions) อาทิ ดีลเฟรเซอร์สฯ ซื้อหุ้นไทคอนจากโรจนะ, อาคเนย์ประกันภัยซื้อไทยประกันภัย, เจเอ็มทีเครือเจมาร์ทซื้อฟีนิกซ์ประกันภัยและล่าสุดดีลศุภาลัย ทำ
เทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นมั่นคงเคหะการ เป็นต้น” ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,403 วันที่ 23-26 กันยายน 2561