KWMรายได้โต30%

24 ก.ย. 2561 | 02:29 น.
 

>> มุ่งพัฒนานวัตกรรม-สร้างสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
หุ้น KWM พร้อมเทรด mai ต้นเดือนตุลาคมนี้จากราคาไอพีโอหุ้นละ 1.30 บาท โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสม 1.90-2.40 บาท ผู้บริหารเผยรุกใช้การวิจัยพัฒนา ต่อยอดผลิตภัณฑ์สร้างสินค้าใหม่ ดันรายได้เติบโต  20-30% อย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปี
หุ้นของบริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หลังจากระดมทุน 156 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป เมื่อวันที่ 19-21 กันยายนที่ผ่านมา จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.30 บาท

บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ท ทัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร อาทิ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียว ใบดันดิน ซึ่งใช้เป็นชิ้นส่วนของรถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวข้าว ปัจจุบันผลิตให้กับ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด นอกจากนี้ บริษัทผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้า “Pegasus” ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร KWM กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การระดมทุนครั้งนี้นำมาใช้คืนหนี้เงินกู้ 75 ล้านบาท ที่เหลือ 81 ล้านบาทใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน บริษัทไม่ได้มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม เนื่องจากการลงทุนในโรงงาน 2 แห่งได้ทำเสร็จสิ้นก่อนการเข้าตลาด

[caption id="attachment_321411" align="aligncenter" width="273"] เอกพันธ์ วนโกสุม เอกพันธ์ วนโกสุม[/caption]

ปัจจุบันบริษัทผลิตสินค้าส่งให้สยามคูโบต้า และมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นแบรนด์ของบริษัทเอง สินค้าของบริษัทเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน อย่างใบผาลมีอายุการใช้งาน 1-2 ปีก็ต้องเปลี่ยน ทำให้มีการใช้อย่าง
ต่อเนื่อง

“นอกจากตลาดเดิมที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้สินค้าอยู่ บริษัทมีแผนจะพัฒนาเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยบริษัท ตั้งเป้าการเติบโตปีละ 20-30% ในช่วง 3-5 ปีนี้ เช่น การผลิตใบโรตารี่ การชุบแข็งใบเกลียวเอง การผลิตเครื่องจักรการเกษตรใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น เครื่องผสมปุ๋ย ซึ่งล้วนเป็นโครงการในอนาคตที่จะสร้างความเติบโตให้กับบริษัท”

ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการขายใบผาลเป็นสัดส่วนประมาณ 50% โดยการนำเข้าใบผาลจากโรงงานเหล็กในประเทศจีน เป็นเหล็ก 65 mn โรงงานของ บริษัทจะนำมาผ่านกระบวนการขึ้นรูป ชุบแข็ง แล้วส่งขาย ซึ่งคุณภาพของเหล็กจากประเทศจีนยังสู้ทางยุโรปไม่ได้ ทางยุโรปจะใช้เหล็กโบรอน ซึ่งมีความแข็งความเหนียวมากกว่า ทางบริษัทจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหล็กโบรอนเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีขึ้น โดยควบคุมต้นทุนการผลิตให้ถูกลง mp17-3403-a

นายเอกพันธ์กล่าวว่า โรงงานแรกของบริษัทใช้พลังงานไฟฟ้าในการเผาเหล็ก แต่โรงงานที่ 2 ใช้ก๊าซในการเผาทำให้มีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทก็ได้ผลิตสินค้าใหม่ คือใบผาลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีความบางลงกว่าเดิม ใบผาลที่ใช้เหล็กโบรอนที่มีความแข็งแรงซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในภาคการเกษตรมีการใช้ถึงปีละ 1 ล้านใบ ในขณะที่เราส่งขายให้คูโบต้า ปีละ 2 แสนใบ ดังนั้นการรุกสู่ตลาดลูกค้าทั่วๆไปจึงเป็นโอกาสที่ดีในอนาคต

ทางบริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าใบโรตารี่ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ภายใน 6 เดือน ซึ่งตลาดของใบโรตารี่มีขนาดพอๆ กับใบผาลมูลค่าตลาดประมาณปีละ 200 ล้านบาท

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซีฯ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า KWM กำหนดราคาไอพีโอหุ้นละ 1.30 บาท ราคาหุ้นมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ 22.95 เท่า ถือว่ามีส่วนลดให้กับนักลงทุน 20.20% เทียบกับ P/E หมวดสินค้าอุตสาหกรรม mai ที่อยู่ระดับ 28.76 เท่า  โดยบทวิเคราะห์หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่ง กำหนดราคาเหมาะสมของ KWM ที่ 1.90-2.40 บาท KWM Product_1

“จุดเด่นของ KWM คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรซึ่งมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและการมีคู่ค้ารายสำคัญเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตร โอกาสในการเติบโตของ KWM ยังมีอีกมาก สอดคล้องกับกับการเติบโตของภาคเกษตรของประเทศ ไทย” นายชนะชัย กล่าว

“ภาวะตลาดหุ้นขณะนี้ เชื่อว่าเป็นผลบวกต่อ KWM เนื่องจากปัจจัยในประเทศเกื้อหนุนธุรกิจของบริษัทคาดว่า KWM จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดี เนื่องจากจำนวนหุ้นที่เสนอขายมีจำนวนเพียง 120 ล้านหุ้น” นายชนะชัยกล่าว disc

บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 260 ล้านบาท ส่วนปี 2562 คาดรายได้เติบโตมาก กว่า 40% เนื่องจากจะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตโรงงานใหม่เต็มปี ประกอบกับมีสินค้าใหม่ คือ ใบผาลตัวใหญ่ ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนยอดขายของบริษัทให้เพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการ 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) บริษัทมีรายได้ 263 ล้านบาท,  276 ล้านบาท และ 260 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 27.80 ล้านบาท 35.78 ล้านบาท และ 20.83 ล้านบาท ตามลำดับ ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,403 วันที่ 23-26 กันยายน 2561