แบงก์ยักษ์"เวลส์ ฟาร์โก"เจอหนัก คดีเก่ารัดคอ รายได้ลด ปลดพนง.2 หมื่นคน

22 ก.ย. 2561 | 02:10 น.
 

เวลส์ ฟาร์โก แบงก์ใหญ่อันดับสามของสหรัฐฯ ประกาศปลดพนักงาน 10% หรือประมาณ 26,500 คน ภายในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า แม้ซีอีโอจะออกมาให้เหตุผลว่าเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่หันไปนิยมนวัตกรรมการเงินดิจิตอลมากขึ้น แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า เรื่องฉาวในอดีตคือเหตุผลหลักที่ทำให้ธนาคารตามหลังคู่แข่งและไม่สามารถผลักดันการเติบโต

 

[caption id="attachment_321401" align="aligncenter" width="503"] นายทิม สโลน นายทิม สโลน[/caption]

นายทิม สโลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ และใหญ่เป็นอันดับ 1 เมื่อพิจารณาในแง่จำนวนพนักงาน (กว่า 265,000 คน) กล่าวว่า การที่ธนาคารปรับลดจำนวนพนักงานในครั้งนี้ มีสาเหตุจากการที่ลูกค้าหันไปนิยมใช้ระบบธนาคารออนไลน์ และเป็นไปตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของทางธนาคาร

ในการรายงานผลประกอบการช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ เวลส์ ฟาร์โก เป็นธนาคารสหรัฐฯเพียงรายเดียวที่มีรายได้ลดลง (เมื่อเทียบรายปี) ขณะที่อัตราส่วนแสดงประสิทธิภาพการทำงาน (efficiency ratio) ก็อยู่ในขั้นย่ำแย่ที่สุด นอกจากนี้ เวลส์ ฟาร์โก ยังเป็นธนาคารเดียวของสหรัฐฯที่ผลประกอบการไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สะท้อนจากรายได้ที่ยังคงลดลง
Wells2 ทั้งนี้ เวลส์ ฟาร์โกถือเป็นธนาคารในสหรัฐฯ ที่มีพนักงานมากที่สุด จำนวนราว 265,000 คน และทางธนาคารยังไม่เคยประกาศลดจำนวนพนักงานจำนวนมากมาก่อน แม้ว่าเคยไล่พนักงาน 5,000 คนในเดือนกันยายน 2559 เนื่องจากมีการสร้างบัญชีลูกค้าปลอมจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชีเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงินของธนาคาร

นับตั้งแต่ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว นายทิม สโลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โก ได้พยายามผลักดันทุกวิถีทางให้ธนาคารผ่านพ้นวิกฤตข่าวฉาวการสร้างบัญชีลูกค้าปลอมที่เกิดขึ้นในปี 2559 และทำให้มีทั้งการปลดทั้งพนักงานและผู้บริหารของธนาคาร แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่ไม่มากพอ สโลนปรับกระบวนยุทธ์ใหม่เกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์ของธนาคารและ ออกโฆษณาขอโทษสาธารณชนอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่ไม่เคยทำตั้งแต่ช่วงนั้นจนถึงขณะนี้ คือการลดขนาดองค์กรหรือการปลดพนักงานอย่างจริงจัง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้จำนวนพนักงานของบริษัทยังคงสูงถึง 265,000 คนโดยประมาณ ซึ่งมากกว่าธนาคารรายอื่นๆของสหรัฐฯ ในขณะที่ผลประกอบการของเวลส์ ฟาร์โก กลับถดถอยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม การประกาศปรับลดพนักงาน 10% ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้าเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่าสโลนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

wells3 นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัญหาของเวลส์ ฟาร์โก คือการบริหารจัดการต้นทุนและการรับมือกับผลกระทบทางธุรกิจที่บริษัทได้รับจากเรื่องอื้อฉาวที่ปะทุออกมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตั้งแต่กรณีการสร้างบัญชีลูกค้าปลอมจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชีเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงินของธนาคาร ตามมาด้วยการเปิดบัญชีบัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการบริหารจัดการสินทรัพย์ของลูกค้า พฤติกรรมฉาวเหล่านี้ทำให้เวลส์ ฟาร์โก ถูกปรับเป็นเงินถึง 1,200 ล้านดอลลาร์ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็เข้ามาดูแลและตั้งข้อจำกัดการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจของเวลส์ ฟาร์โก ท่ามกลางบริบทที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังไปได้สวย และมีอัตราการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี ดัชนีหลักทรัพย์พุ่งแรง อัตราการว่างงานต่ำ ดอกเบี้ยอยู่ในภาวะขาขึ้น เวลส์ ฟาร์โก จึงตกอยู่ในภาวะกระเสือกกระสนเพื่อการเติบโต ขณะที่บรรดาธนาคารคู่แข่ง ได้รับอานิสงส์จากบรรยากาศที่กำลังเอื้อหนุนเหล่านี้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว คู่แข่งอย่างเจพี มอร์แกน เชส ธนาคารใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ประกาศว่า กำลังเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ตลาดใหม่ๆ นายเจมี่ ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพี มอร์แกนฯ ย้ำว่า แม้จะมีภัยคุกคามจากเทคโนโลยีใหม่ๆทางการเงิน แต่ทางธนาคารก็มั่นใจว่าจะสามารถรักษาจำนวนพนักงานเอาไว้ได้ เพราะกำลังเตรียมพร้อมสร้างงานใหม่รองรับบริการใหม่ๆเอาไว้แล้ว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเวลส์ ฟาร์โก ทำให้เชื่อว่า สโลนอาจจะรักษาตำแหน่งไว้ได้อีกไม่นานนัก แม้ว่าประธานบอร์ดบริหารของธนาคารจะออกมายืนยันว่า คณะกรรมการบริหารยังให้การสนับสนุนสโลนอย่างเต็มที่  ภายหลังการประกาศข่าวการปลดพนักงานซึ่งนักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อผลประกอบการของธนาคาร ปรากฏว่าราคาหุ้นของเวลส์ ฟาร์โก เมื่อเวลาปิดตลาด (ณ วันที่ 20 กันยายน) ขยับขึ้นเพียง 0.6% เท่านั้น 090861-1927-9-335x503-8-335x503