ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองส่งออกปี 2561 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.8

22 ก.ย. 2561 | 00:20 น.
ส่งออก ส.ค. 61 เฉียด 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ...สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ข้อพิพาททางการค้าเริ่มส่งผลต่อส่งออกไทยชัดเจนขึ้น

► การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนส.ค. 2561 มีมูลค่าอยู่ที่ 22,794 ล้านดอลลาร์ฯ นับเป็นมูลค่าส่งออกที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ แต่อัตราการขยายตัวชะลอลงจากช่วงก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 6.7 YoY ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานเปรียบเทียบที่สูงมากในปีก่อน (มูลค่าส่งออกของไทยเดือนส.ค. 2560 อยู่ที่ 21,367 ล้านดอลลาร์ฯ) ประกอบกับการส่งออกทองคำหดตัวมากถึงร้อยละ 66.6 ซึ่งเมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำแล้ว การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวร้อยละ 10.3 YoY ในเดือนส.ค. 2561

► ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยขยายตัวดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 มาจาก

1. ราคาน้ำมันดิบโลกที่ในช่วงเดือนส.ค. 2561 อยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยหนุนให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง

2. การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบไปยังตลาดเวียดนามพลิกกลับมาขยายตัวสูงถึงร้อยละ 204.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนามสามารถปรับตัวได้ดีขึ้นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ (Decree 116/2017) ที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการนำเข้ารถยนต์ของทางการเวียดนาม อีกทั้งมีการผ่อนคลายกฎระเบียบการนำเข้ารถยนต์บางส่วนระหว่างเวียดนามกับไทย ซึ่งช่วยหนุนให้ภาพรวมการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบไปยังตลาดโลกเติบโตดีที่ร้อยละ 19.0 ในเดือนส.ค.

3. การส่งออกสินค้าเกษตรพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกในเดือนส.ค. 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ขยายตัวดีตามปริมาณการส่งออกที่ติดลบน้อยลง โดยการส่งออกข้าวขยายตัวร้อยละ 9.1 YoY ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์มาจากการชนะประมูลขายข้าวขาว 25% ของเอกชนไทยให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์จำนวน 2.125 แสนตัน (ทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2561 เป็นต้นมา) ซึ่งช่วยเข้ามาชดเชยการหดตัวของการส่งออกข้าวไปยังตลาดแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นเบนิน แอฟริกาใต้ แคมมารูน รวมถึงเคนยา ในขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังขยายตัวร้อยละ 19.4 YoY จากการนำเข้าเพิ่มขึ้นของจีน อินโดนีเซีย และญี่ปุ่นเป็นสำคัญ

e-book-1-503x62-7 อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรายละเอียดแล้ว พบว่า ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทยอยส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยบางประเภท โดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน อาทิ แผงวงจรไฟฟ้าที่สหรัฐฯ มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนมาที่ร้อยละ 25 ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2561 เป็นต้นมา (มีการประกาศรายละเอียดว่าจะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าแผงวงจรไฟฟ้าตั้งแต่ 15 มิ.ย. 2561) ทำให้การส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าของไทยไปจีนหดตัวอย่างมากตั้งแต่เดือนก.ค. 2561 เป็นต้นมา (สัดส่วนการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ 2.3 ของการส่งออกสินค้าไทยทั้งหมดไปจีนในเดือนส.ค. 2561 ลดลงจากเดือนมิ.ย. ที่มีสัดส่วนร้อยละ 3.5 ของมูลค่าส่งออกสินค้าไทยทั้งหมดไปจีน) ในขณะที่การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 กลับชะลอลง

► การเดินหน้าประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยผ่านความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตกับจีน รวมถึงการไหลทะลักของสินค้าจีนมายังประเทศในภูมิภาค โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการตอบโต้ทางภาษีในรอบ 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ นี้ จะไปเห็นผลชัดเจนในปี 2562 ในขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินภาพการส่งออกในปี 2561 โดยได้รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการจัดเก็บภาษีในรอบ 50,000 ล้านดอลลาร์ฯ เข้าไว้แล้ว ทำให้การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 จะผ่อนแรงลงจากช่วงครึ่งปีแรก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองทั้งปี 2561 ไว้ที่ร้อยละ 8.8

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
090861-1927-9-335x503-8-335x503