อคส. คุมเข้ม! ขนย้ายข้าว 1.3 แสนตัน ลั่น! ผิดกฎโทษหนัก ทั้งปรับ ฟ้องแพ่ง-อาญา

21 ก.ย. 2561 | 12:21 น.
อคส. สั่งคุมเข้มขนย้ายข้าวชนะประมูลสต๊อกรัฐ แจงยิบขั้นตอนปฏิบัติห้ามแหกกฎ ลั่น! หากทำผิดเจอทั้งโทษปรับ ฟ้องแพ่งและอาญา

พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบผลการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2561 และการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 นั้น อคส. ได้เชิญผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงขั้นตอนการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าต้นทางไปยังคลังสินค้าปลายทาง ก่อนลงนามในสัญญา โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ ไม่ว่าจะเป็น องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจทางหลวง  กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมทางหลวง

 

[caption id="attachment_321265" align="aligncenter" width="503"] พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง[/caption]

ทั้งนี้ เพื่อกำหนดขั้นตอนและมาตรการในการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าต้นทางไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมของผู้ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐ (คลังสินค้าปลายทาง) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม รวม 1.35 แสนตัน ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2561  ปริมาณ 119,783 ตัน มูลค่า 813 ล้านบาท ในคลังกลาง อคส. 5 จังหวัด และกลุ่มที่ 2 ข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 ปริมาณรวม 15,902 ตัน มูลค่า 79 ล้านบาท ในคลังสินค้า 10 จังหวัด

สำหรับผู้ชนะการประมูลทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย บริษัท พีเอวู้ดเพลเลท จำกัด (บจก.) , บจก.มหาทรัพย์ ฟีด , บจก.ยู อาร์ ซี พาวเวอร์ , บจก.กบินทร์อินทรีย์ , บจก.คอฟโค่ไบโอเคมิคอล (ประเทศไทย) , บจก.เชียงรายกิจศิริไซโล 1995 , บจก.ไท่ผิง เอทานอล ซึ่งได้เชิญมาประชุมทำความเข้าใจในขั้นตอนวิธีปฏิบัติให้รัดกุม รวมทั้งมีการลงพื้นที่ตรวจคลังสินค้าปลายทางที่ผู้ประกอบการจะนำข้าวสารไปเข้าสู่อุตสาหกรรมทุกคลัง และการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจสุ่มตลอดเส้นทางการขนย้ายข้าวและคลังสินค้าต้นทางและคลังสินค้าปลายทาง โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของ อคส. และหัวหน้าคลังประจำอยู่ตามโกดังต่าง ๆ รับทราบขั้นตอนการปฏิบัติ และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการขนย้ายจะมีการ (ซีล) รถบรรทุกที่ขนข้าวทุกคันตลอดการขนย้าย โดยระยะเวลาต้องสอดคล้องกันกับการระยะเวลาการเดินทาง หากตรวจพบว่า ใช้เวลามาก ไม่สัมพันธ์ หรือ ผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดตรวจสามารถเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบได้


กองข้าวล้ม

ด้าน นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า อคส. ได้วางมาตรการและกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างรัดกุม ซึ่งเชื่อมต่อจากกระบวนการดำเนินงานของกรมการค้าต่างประเทศ และเชิญผู้ชนะการประมูลเข้ารับฟังการชี้แจงมาตรการดำเนินการของ อคส. ก่อนการทำลงนามในสัญญา และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องศักยภาพการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่ง ซึ่ง อคส. ได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบยืนยันว่า มีใบประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) มีกำลังการผลิตที่เพียงพออีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับการกำกับดูแล อคส. มีการแต่งตั้งหัวหน้าคลังสินค้าประจำคลังสินค้าต้นทางและปลายทาง มีการรายงานปริมาณรับจ่ายสินค้าเป็นรายวันให้ส่วนกลางทราบ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบการนำข้าวไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้แทน เป็นประธานคณะทำงานฯ ผู้แทนกองกำลังรักษาความสงบในพื้นที่ ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เป็นคณะทำงาน หัวหน้าคลัง อคส. หรือ อ.ต.ก. เป็นคณะทำงาน และเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่จัดระบบ ควบคุม ตรวจสอบกระบวนการนำข้าวไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม สุ่มตรวจสอบบัญชีคุมสินค้าแสดงประมาณการได้มา การใช้รายวันนับแต่วันที่ได้รับข้าวสารเก็บไว้ ณ สถานที่เก็บ ให้เป็นไปตามที่แจ้งไว้ในหนังสือรับรองการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรม รายงานผลการดำเนินงานต่อประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว และประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)


รถขนข้าว

ขณะที่ คลังสินค้าที่ปลายทางจะต้องติดตั้งกล้อง CCTV และต้องรายงานข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ อคส. รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าวอีกครั้งว่า ตรงตามปริมาณการขนย้ายหรือไม่ หาก อคส. ตรวจพบว่า ผู้ซื้อไม่นำเข้าสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อ จะต้องชำระค่าปรับ 25% ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหาก อคส. เลิกสัญญา ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับ 25% ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญาด้วย

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว