พูดถึง โคเวิร์กกิ้ง สเปซ พื้นที่ทำงานร่วมกันที่กำลังนิยมในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่าคือพื้นที่เปิดโล่ง
ที่ใครๆ สามารถเข้าไปใช้ได้ เช่น ในร้านกาแฟ หรือตึกแถว แต่ที่น่าจับตาเห็นจะเป็นโคเวิร์กกิ้ง สเปซ จากต่างประเทศที่รุกเข้าทำตลาดในไทย รวม 4 แบรนด์ชั้นนำ จัสท์โค, เกรทรูม, วีเวิร์ค และสเปซเซส และยังจะมีรายใหม่ทยอยเข้ามาอีก
“โคเวิร์กกิ้ง สเปซแบรนด์ไทยที่เปิดกันตามห้องแถวหรือร้านกาแฟ มีทั้งรายกลางและรายย่อย ประมาณ 90-100 โลเกชันไม่มีผลกระทบต่อตลาดอาคารสำนักงาน ต่างจากรายที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีที่เปิดให้บริการแล้ว กำลังตกแต่ง และที่จะก่อสร้าง โคเวิร์กกิ้ง สเปซกลุ่มนี้ใช้พื้นที่รวมๆ กันเกือบ 4.5 หมื่นตารางเมตร ทั้งๆที่เข้ามาในตลาดภายใน 2 ปีนี้เอง จึงเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองมาก” นายนิธิพัฒน์ ทองพันธุ์ หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศ ไทย กล่าวตอนหนึ่งในการสัมภาษณ์ถึงทิศทางธุรกิจโคเวิร์กกิ้ง สเปซ พร้อมทั้งเปิดปัจจัยที่ผลักดันให้ธุรกิจนี้มีสัญญาณที่ดีกว่า
[caption id="attachment_321234" align="aligncenter" width="375"]
นิธิพัฒน์ ทองพันธุ์[/caption]
พื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ในกรุงเทพฯ ที่มีเกือบ 4.5 หมื่นตารางเมตร ฟังดูเหมือนจะมาก แต่ถ้าเทียบกับตลาดอาคารสำนักงานในภาพรวมซึ่งมีประมาณ 8.7 ล้านตารางเมตร คิดแล้วแค่ไม่ถึง 1% แต่แนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง จากแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้ง สเปซ ทั้ง 4 รายใหญ่ๆที่มาทำตลาด รวมถึงรายอื่นๆที่กำลังเจรจาก็มีอีกจำนวนมาก ผมเชื่อว่าอัตราการเติบโตในปีหน้าอาจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะบริษัทโคเวิร์กกิ้ง สเปซ จากต่างประเทศแต่ละรายที่เข้ามาได้ประกาศแผนเปิดสาขาจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเน้นเปิดในอาคารสำนักงานเกรด เอ ใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า อาทิ ราชประสงค์, สีลม,สาทร
ถ้าย้อนกลับไปดูความต้องการพื้นที่ในตลาดอาคารสำนักงาน ปี 2560 ที่ผ่านมา ตลอดจนครึ่งปีนี้ ผู้ให้บริการ
โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ก็มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานให้ขยายตัวนอกเหนือจากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บริษัทด้านเทคโนโลยี และธนาคาร
กลุ่มลูกค้าของโคเวิร์กกิ้ง สเปซ มีทั้งกลุ่มสตาร์ตอัพ และบริษัทรายใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติ ที่ทำธุรกิจในประเทศไทยหรือกำลังจะเข้ามา และมีโครงการที่ต้องการใช้พื้นที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น ธุรกิจด้านพลังงาน มีโครงการชั่วคราว 6 เดือนหรือ 1 ปี ดังนั้น การเช่าพื้นที่โคเวิร์ก กิ้ง สเปซ จะยืดหยุ่นกว่าเช่าพื้นที่สำนักงานปกติซึ่งมีเงื่อนไขทำสัญญา 3 ปี
ที่สำคัญ ลดค่าใช้จ่าย เพราะถ้าเช่าอาคารสำนักงานปกติ จะมีค่าใช้จ่ายการตกแต่งสำนักงาน ซึ่งเป็นวงเงินค่อนข้างสูง แต่ถ้าใช้บริการโคเวิร์กกิ้ง ไม่ต้องจ่ายค่าตกแต่ง เพียงจ่ายค่าสมาชิกต่อเดือนแทน โดยผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้ง สเปซ ทำพื้นที่ตามความต้องการของผู้เช่า การจัดพื้นที่ทำงานแบบใหม่ ที่มีพื้นที่ส่วนกลาง หรือ collaboration มากขึ้น ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มมิลเลนเนียล ฉะนั้น ในโคเวิร์กกิ้ง สเปซ จะเห็นวิธีการทำงานแบบใหม่ การตั้งออฟฟิศที่ให้ความรู้สึกว่า relax มีการประสานงานมากขึ้น
“เริ่มเห็นสัญญาณบริษัทข้ามชาติที่อยู่ในประเทศไทยมานาน เช่าออฟฟิศปกติ หันไปใช้โคเวิร์กกิ้ง สเปซ หลังจากหมดสัญญาเช่า ในตึกเดียวกัน หรือในอาคารที่มีทำเลที่ดีกว่า เร็วๆนี้มีบริษัทอเมริกันรายหนึ่ง ใช้พื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ แล้ว โดยใช้พื้นที่สำหรับพนักงานเป็น 100 คน แนวโน้มนี้ในประเทศกำลังเข้ามา แต่ในยุโรปหรืออเมริกา เป็นอย่างนี้หมดแล้ว”
นี่คือปัจจัยที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ชั้นนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือการแข่งขันในกลุ่มเหล่านี้สูงมาก ถือเป็นแนวโน้มค่อนข้างดี แต่อุปสรรคสำหรับโคเวิร์กกิ้ง สเปซ รายใหม่ๆ จากต่างประเทศ ที่สนใจอยากจะเข้ามาทำตลาด ก็คือว่าอาคารสำนักงานเกรด เอ ในกรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่ให้เช่ามีจำกัด เพราะแลนด์ลอร์ดต้องการให้มีแบรนด์เดียวต่ออาคาร เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งลูกค้ากันเอง ทั้งนี้ ความต้องการใช้พื้นที่ของโคเวิร์กกิ้ง สเปซ อย่างน้อย 3,000 ตารางเมตรต่อ 1 อาคาร เพราะต้องทำพื้นที่ส่วนกลาง collaboration จึงต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ถ้าไม่ใหญ่พอก็อาจจะ 2-3 ชั้นก็ได้ แต่สำคัญต้องอยู่ในทำเลศักยภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี
เมื่อพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำนักงานที่ดีๆ ที่ประสบความสำเร็จ วันนี้โคเวิร์กกิ้ง สเปซ กลายเป็นสิ่งน่าจะมี หรือไม่มีก็ได้ (nice to have) แต่ในอนาคตอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ต้องมี (must have) เพราะลูกค้าที่เช่าอยู่ในอาคารมีโอกาสที่จะขยายพื้นที่ กรณีพื้นที่ว่างภายในอาคารไม่มี ลูกค้าก็สามารถขยับขยายไปใช้พื้นที่ของโคเวิร์กกิ้ง สเปซ ได้ กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดึงดูดผู้เช่าได้เหมือนกัน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เจ้าของตึกเริ่มให้ความสำคัญกับโคเวิร์กกิ้ง ไม่ว่าจะทำเองหรือให้ผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้ง มาเช่าพื้นที่ดำเนินการ
ปัจจุบันตลาดใหญ่ของโคเวิร์กกิ้ง สเปซในภูมิภาคเอเชียอยู่ที่ สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่มีโคเวิร์กกิ้ง มากที่สุด ถือเป็นศูนย์กลางหรือฮับของภูมิภาค ส่วนไทยก็อาจจะจัดอยู่ในระดับซับฮับ เนื่องจากชัยภูมิของไทยเป็นประตูสู่ประเทศกลุ่ม CLMV นั่นเอง
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,403 วันที่ 23-26 กันยายน 2561