เพซเดินหน้าธุรกิจหลังขาย'มหานคร'1.5 หมื่นล.ย้ำบทเรียนไม่!เสี่ยงทำโครงการใหญ่

21 ก.ย. 2561 | 11:04 น.
เพซ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยโครงการนิมิต หลังสวน คืบหน้า 40% มียอดขายแล้ว 90% จ่อขายเพนเฮ้าส์ 6.5 แสนต่อตร.ม พร้อมเผยแผนดำเนินธุรกิจ หลังขายหนี้ก้อนโต มหานคร 1.5 หมื่นล้าน ย้ำ ไม่เสี่ยงลงทุนโครงการใหญ่ เป้าลงทุนปีละ 1 โครงการ มูลค่า 5 พัน-1หมื่นล้าน

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ หลังจาก ขายสินทรัพย์โครงการมหานคร มูลค่า 1.4 หมื่นล้านให้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด ซึ่งประกอบไปด้วยที่ดิน โรงแรม อาคารจุดชมวิว อาคารรีเทลคิวบ์ ภาพวาด และใบอนุญาตต่างๆ รวมถึงสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัทย่อย ว่า ขณะนี้บริษัทเหลือโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่ารวมกันกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

PACE

โดยเฉพาะโครงการนิมิต หลังสวน คอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ กรรมสิทธิ์ฟรีโฮลด์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณถนนหลังสวนตัดกับสารสิน บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ติดสวนลุมพินี เป็นอาคารสูง 54 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 8 พันล้านบาท จำนวน 178 หน่วย ขนาดตั้งแต่ 78-640 ตารางเมตร ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าแล้วประมาณ 40 % คาดจะแล้วเสร็จทั้งหมดในช่วงเดือน ก.ค –ต.ค 2562 ขณะนี้มียอดขายกว่า 90% คิดเป็นมูลค่า 6.91 พันล้านบาท และมีห้องชุดรอขายอีกประมาณ 10 % มูลค่า 1.08 พันล้านบาท โดยเฉพาะ ห้องเพนท์เฮ้าส์ ซึ่งอาจมีราคาขายสูงสุดถึง 6.5 แสนบาทต่อตารางเมตร

นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 โครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นเดียวกัน คือ วินด์ เชลล์ นราธิวาส มูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 30% และมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 792 ล้านบาท ขณะที่มีห้องชุดรอขายอีกมูลค่า 2.2 พันล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ จะสามารถโอนและรับรู้รายได้ภายในปี 2562 ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ ยังคงเน้นโลเคชั่นใจกลางเมือง และจับตลาดบนเป็นหลัก ด้วยราคาขายตั้งแต่ 2 -5.6 แสนบาทต่อตร.ม อย่างน้อยปีละ 1 โครงการเป็นอย่างต่ำ

pace1

“จากหนี้ที่มีกว่า 2 หมื่นล้านบาท หลังขายสินทรัพย์ชิ้นโตไปได้ ขณะนี้เหลือเพียงหมื่นกว่าล้าน ถือว่าแข็งแรงขึ้นเยอะ ผ่านจุดที่น่าเป็นห่วงไปแล้ว โครงสร้างองค์กรค่อนข้างนิ่ง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลังจากนี้แผนการพัฒนาโครงการ จะมีความระมัดระวังมากขึ้น โลเคชั่นต้องดี เจาะกลุ่มลูกค้าชัดเจน เสริมด้วยนวัตกรรมที่แตกต่างเพื่อเพิ่มมูลค่าให้โครงการ แต่คงไม่ใช่การเสี่ยงไปซื้อที่ดินวาละ 2 ล้าน เพื่อมาทำของแพงแข่งกับรายอื่น โครงการที่จะเกิดขึ้นนั้น จะไม่ใหญ่อย่างในอดีต 1-3 ปีต้องจบ มูลค่าโครงการ 5 พัน-1 หมื่นล้านบาท เป็นอย่างน้อยปีละ 1 โครงการ โดยต้นปี 2562 จะเห็นภาพแผนการลงทุนชัดเจนขึ้น “

ทั้งนี้ ล่าสุด เพซ ดีเวลลอปเม้นท์ แถลง ลงทุนใช้นวัตกรรมท่อน้ำทิ้ง ระบบ Sovent จากสวิสเซอร์แลนด์ของบริษัท เกเบอริท กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบท่อน้ำทิ้งและสุขภัณฑ์ระดับโลก ในโครงการ นิมิต หลังสวน ซึ่งระบุว่าจะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ใช้นวัตกรรมกรรมดังกล่าว หวังให้เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับแนวหน้าของไทย เพื่อมูลค่าในการลงทุนระยะยาว

23626556-10 (1)