ส่งออกไทยยังฉลุยทุบสถิติ! คาดปีนี้โตได้ถึง 9% ทะลุ 2.57 แสนล้านดอลล์

21 ก.ย. 2561 | 05:11 น.
พาณิชย์ เผย ยอดส่งออกรวมของไทยในเดือน ส.ค. 2561 มีมูลค่า 22,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่ไทยมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า การส่งออกปีนี้จะโตได้ถึง 9% ส่วนสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กระทบสินค้าไทยบางรายการเท่านั้น

 

[caption id="attachment_320731" align="aligncenter" width="503"] พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)[/caption]

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยถึง ยอดการส่งออกรวมของไทยในเดือน ส.ค. 2561 ว่า มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ขยายตัว 6.6% ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่ไทยมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เป็นผลจากการส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัว 5.8% และสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 4.1% ถือว่ายังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกไปตลาดหลักหลายตลาดยังขยายตัวได้ดี ทั้งในอาเซียน CLMV เอเชียใต้ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาและจีน แม้จะมีสถานการณ์สงครามการค้าเกิดขึ้น แต่การส่งออกไทยไปตลาดสหรัฐฯ เดือน ส.ค. กลับมาขยายตัว 0.6% ส่วนที่ไปตลาดจีนขยายตัวได้ 2.3%


ส่งออก3

สำหรับภาพรวมส่งออก 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 169,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 166,679 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15.9% ภาพรวม 8 เดือนแรก ไทยยังเกินดุลการค้า 2,351 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในส่วนของผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยบางรายการ โดยเฉพาะเหล็ก อะลูมิเนียม และแผงโซลาเซลล์ รวมถึงสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกที่ส่งออกไปจีนลดลง ซึ่งในการประชุมสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลกในเดือน ต.ค. นี้ จะมีการหารือเพื่อหาตลาดใหม่ทดแทนการส่งออกไปยังตลาดเดิม โดยเฉพาะตลาดเอเชียและอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี


port1

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 2561 จะขยายตัวได้ที่อัตรา 9% โดยมีมูลค่าที่ 257,932 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ เสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก อัตราเเลกเปลี่ยนที่ยังผันผวน รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสินค้าเกษตร แต่มั่นใจว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมแนะผู้ประกอบการให้ซื้อขายสินค้าในสกุลเงินอื่นแทนสกุลเงินดอลลาสหรัฐฯ


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว