ดีป้า – ทัสโฮลดิ้งส์ เปิดตัวศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจดิจิทัลฯ ไทย-จีน

21 ก.ย. 2561 | 06:38 น.
        ดีป้า – ทัสโฮลดิ้งส์ เปิดตัวศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ไทย-จีน  ตั้งเป้าปั้นสตาร์ทอัพข้ามชาติ ไทยจีน เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นสูง ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และปัญญาประดิษฐ์  S__8954147

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) Mr. Herbert Chen Chief Operating Officer, Tus-Holdings Co.,Ltd. ร่วมกันเปิดตัว “ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้นไทย-จีน” (China-Thailand Digital Incubator)  ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ดีป้า และ ทัสโฮลดิ้งส์ จำกัด และทัสสตาร์ ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน S__8954155 ด้านดร.ณัฐพล กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนถึงความพร้อมของไทยและจีนที่จะสานสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาผู้ประกอบการ สนับสนุนให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเรามีเป้าหมายร่วมกันว่า จะส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ ระหว่างไทยและจีน ให้เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ ปัญญาประดิษฐ์  เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ ให้สามารถแข่งขันและขยายธุรกิจออกสู่ภูมิภาคและทั่วโลก DR3_7108         ทั้งนี้ศูนย์บ่มเพาะฯ จะมีภารกิจสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1.ส่งเสริมการบ่มเพาะสตาร์ทอัพของประเทศไทย จีน และในภูมิภาค ให้มีความพร้อมทางเทคโนโลยี และความพร้อมทางธุรกิจ 2.ส่งเสริมการอบรมและพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ และความเชี่ยวชาญในการบ่มเพาะ และให้คำปรึกษาแก่ สตาร์ทอัพ 3. ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อให้วิสาหกิจเริ่มต้น ไทยและจีน ได้เรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน 4. ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและจีน ที่ผ่านการบ่มเพาะ และ 5.แสวงหาความร่วมมืออื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศในการส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้นไทย-จีน นั้นตั้งอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ของดีป้า ในโครงการ ลาดพร้าว ฮิลล์  บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และมีกำหนดจะเปิดตัวสถานที่อย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะมีการขยายผลสู่การพัฒนาสตาร์ทอัพ ฮับ ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ต่อไป e-book-1-503x62-7