‘BJC’ซุ่มตั้งเทรดดิ้งในจีน

28 ก.ย. 2561 | 09:00 น.
บีเจซี ซุ่มตั้งบริษัทเทรดดิ้งใน “จีน” ทำหน้าที่เฟ้นหาของดี ราคาถูกส่งขายต่อให้บริษัทในเครือ รับกระแสดีเกินทำรายได้ 300-500 ล้านบาท พร้อมเดินเกมรุกค้าปลีกอาเซียน เปิดแผน 2 ปี ส่ง “บิ๊กซี” ยึดพื้นที่กัมพูชา ลาว มาเลเซีย

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องโดยใช้งบลงทุนไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยในประเทศไทย ปีนี้มีแผนขยายสาขาในทุกฟอร์แมตเพิ่มขึ้น การลงทุนเพื่อพัฒนาและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การลงทุนด้านไอที และการสรรหาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศจะเน้นประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เปิดให้บริการบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาแรกในกัมพูชา จะเปิดให้บริการในปี 2562

สปป.ลาว เปิดให้บริการบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาแรก 1 แห่ง พร้อมกับขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ “เอ็มพอยท์มาร์ท” ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 46 แห่งเพิ่มขึ้น เวียดนาม จะขยายสาขาเอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต เพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 19 แห่ง พร้อมกับขยายสาขาร้าน บีสมาร์ท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 144 แห่ง ขณะที่ในมาเลเซีย บริษัทมีแผนลงทุนเปิดให้บริการบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตในรัฐที่ติดกับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง การหาทำเล ซึ่งจะต้องใช้ที่ดิน 25-30 ไร่ และหากสรุปทำเลที่ตั้งได้ ก็จะสามารถสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ใน 10 เดือน

[caption id="attachment_320673" align="aligncenter" width="287"] อัศวิน เตชะเจริญวิกุล อัศวิน เตชะเจริญวิกุล[/caption]

อย่างไรก็ดี ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าลงทุนตั้งสำนักงานที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน เพื่อทำหน้าที่เทรดดิ้ง จัดหาสินค้าป้อนให้กับห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี อาทิ บิ๊กซี, เอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต ฯลฯ โดยที่นี่ถือเป็นสาขาที่ 8 ต่อจากลาว กัมพูชา มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ ฮ่องกง และเวียดนาม โดยมีทีมบีเจซี โลจิสติกส์ทำหน้าที่ช่วยผลักดันสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าอยู่กว่า 3,000 รายการ ทำรายได้ราว 300-500 ล้านบาท

“ออฟฟิศที่จีน จะทำหน้าที่สรรหา สินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งต้องเป็นของดีมีคุณภาพ ในราคาคุ้มค่าเพื่อนำไปวางจำหน่ายในบิ๊กซี และ อนาคตจะมีการเชื่อมโยงไปยังห้างค้าปลีกต่างๆ ในเครือบีเจซี อาทิ เอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ตในเวียดนาม เพื่อจัดซื้อสินค้าเดียวกันทำให้ได้ราคาที่คุ้มค่ากว่า จากปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทนอนฟูด อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ”

ทั้งนี้ในอนาคตหากมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงมีโอกาสที่จะจัดตั้งโรงงานผลิต รวมทั้งการเป็นดิสตริบิวเตอร์ในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกลุ่มที่ต้องการทำธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่ต้นนํ้า กลางนํ้าและปลายนํ้าด้วย

สำหรับภาพรวมของบริษัทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาพบว่ามีการเติบโตสูงขึ้น ขณะที่ไตรมาส 3 คาดว่าจะมีการเติบโตเป็นตัวเลข 1 หลัก ส่วนในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันเชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้น และบริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนและพัฒนาฟอร์แมตใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคต่อไป

 

หน้า 36  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 38ฉบับ 3,403 ระหว่างวันที่ 23-26 กันยายน 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว