แก้หนี้สำเร็จ! สมาคมธนาคารไทยให้เกษตรกรชำระหนี้เพียง 50% ยกหนี้ที่เหลือให้กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าแก้หนี้ กฟก. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เล็งมาตรการสำรองสำหรับเกษตรกรที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ใช้ระเบียบ กชก. เข้าช่วยเหลือ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า สมาคมธนาคารไทยได้เข้ามายื่นหนังสือยืนยันหลักเกณฑ์การรับชำระหนี้สำหรับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือในเบื้องต้นต้องมีคุณสมบัติ คือ 1.เป็นสมาชิกและขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 2.เป็นหนี้ NPL จากการประกอบอาชีพทางการเกษตร ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2560 และมีเงินต้นไม่เกิน 2.5 ล้านบาท และ 3.มีความสามารถในการชำระหนี้เงินต้นกับธนาคารเจ้าหนี้ 50% โดยธนาคารจะยกหนี้ส่วนที่เหลือให้และชะลอการดำเนินการทางกฎหมายกับลูกหนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2562 เพื่อให้เกษตรกรยังคงมีที่ดินทำกินต่อไป
สำหรับเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือจาก กฟก. ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงเดือน ก.ค. 2561 มีจำนวน 3,206 ราย จำนวนเงิน 1,207 ล้านบาท ขณะนี้เหลือเกษตรกรอีก 692 ราย ในจำนวนนี้ได้รับการตรวจสอบเบื้องต้น ว่า เข้าหลักเกณฑ์ของ กฟก. มีเพียง 119 ราย มูลหนี้ 44 ล้านบาท ซึ่งจะนำรายชื่อดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองและเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ด้าน นายครรชิต สุขเสถียร ผู้อำนวยการ สำนักบริหารกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและรับเรื่องร้องเรียน สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เกษตรกรที่มีคุณสมบัติไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น กระทรวงเกษตรฯ เตรียมมาตรการสำรอง โดยจะเจรจากับเจ้าหนี้ธนาคารพาณิชย์ให้พิจารณาลดหย่อนหนี้เป็นรายบุคคล แล้วทำหนังสือแจ้งไปยังเกษตรกรลูกหนี้ หากมีความประสงค์ในการชำระหนี้ส่วนนี้ จะให้มาแจ้งความจำนงที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด เพื่อดำเนินการขอกู้เงินจากคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (กชก.) โดยมีหลักเกณฑ์การชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี และหากชำระตรงเวลา จะลดดอกเบี้ยลงทุกปีจนคงที่ที่ร้อยละ 2 ต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 4-5 เดือน"