"วิโรจน์ ธนาลงกรณ์" ขายหุ้น SABINA สัดส่วน 28.78% ให้สถาบัน-รายใหญ่

20 ก.ย. 2561 | 06:21 น.
บริษัท ซาบีน่า จํากัด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ว่า ได้ดําเนินการขายหุ้นสามัญเดิมในบริษัทฯ ของตน ในวันที่ 20 ก.ย. 2561

โดยนายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ได้ขายหุ้นในจํานวน 100,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.78 ของทุนจดทะเบียนชําระแล้วของบริษัทฯ แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศและจากต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ โดยเป็นการขายให้แก่ผู้ลงทุนในวงจํากัดแบบข้ามคืน (Overnight Global Bookbuilding Transaction) ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ราคา 25.0 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารายการเท่ากับ 2,500 ล้านบาท โดยราคาขายดังกล่าวกําหนดโดยวิธีการสํารวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) กับผู้ลงทุนประเภทสถาบัน

ภายหลังการขายในครั้งนี้ กลุ่มนายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ และครอบครัว จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทฯ โดยมี
สัดส่วนการถือหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเท่ากับร้อยละ 51.86 ของทุนจดทะเบียนชําระแล้วของบริษัทฯ (จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมที่ร้อยละ 80.63) อีกทั้ง นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ จะยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัทฯ และเป็นผู้ร่วมกําหนดทิศทางการดําเนินงานของบริษัทร่วมกับกรรมการท่านอื่น ๆ ดังเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นายวิโรจน์ กล่าวถึงเหตุผลในการขายหุ้นครั้งนี้ว่า จากการที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (Roadshow) ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากชื่นชมนโยบายการบริหารงานที่มีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่มีความผันผวน รวมถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สามารถสร้างการเติบโตทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรในระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนดังกล่าวมีข้อจำกัดในการลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องและหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก จึงสอบถามมาทั้งทางบริษัทฯ และทางตนเองเกี่ยวกับแนวทางที่จะปรับปรุงเรื่องดังกล่าว

"ส่วนตัวผมไม่ได้มีความจำเป็นและไม่ได้อยากจะขายหุ้น แต่ได้รับการติดต่อมาจากนักลงทุนสถาบันหลายรายที่สนใจลงทุนในหุ้น SABINA ซึ่งทุกรายพูดถึงปัญหาเรื่องสภาพคล่องและการผันผวนของราคาหุ้น เนื่องจากเดิมเราไม่มีฐานนักลงทุนสถาบันเลย การที่ผมตัดสินใจขายหุ้นในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อราคาหุ้นของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นทุกคนในระยะยาว นักลงทุนที่ลงทุนในครั้งนี้ส่วนมากก็เป็นกองทุนชั้นนำของประเทศ รวมถึงกองทุนระดับโลก เช่น กองทุน Templeton และ Capital Group เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีในเรื่องของสภาพคล่องและจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น เพราะเราจะมีฐานนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลให้เสถียรภาพของราคาหุ้นดีขึ้น" นายวิโรจน์ กล่าวเสริม


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว