BBLยันสินเชื่อโต5% ชี้เลือกตั้งหนุนเชื่อมั่น

22 ก.ย. 2561 | 02:00 น.
 

แบงก์กรุงเทพ ยันสินเชื่อทั้งปีโตตามกรอบ 3-5% หลังแตะ 4% ไปแล้ว ชี้สัญญาณเลือกตั้งช่วยต่างชาติเชื่อมั่น จับตาเศรษฐกิจต่างประเทศควบคู่ คาดปี 62 สินเชื่อทรงตัวโต 5% จ่อออกคิวอาร์โค้ดข้ามประเทศ เจาะตลาดจีนผ่านบัตร TPN UnionPay

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BBL เปิดเผยถึงภาพรวม
สินเชื่อในประเทศว่า ยังมองการเติบโตในกรอบ 3-5% ซึ่งปัจจุบันสามารถปล่อยสินเชื่อเติบโตเกือบแตะ 4% แล้ว คาดว่าทั้งปีน่าจะได้ตามเป้าหมาย โดยกลุ่มที่เห็นศักยภาพและเติบโตได้ดีจะเป็นกลุ่มอุตสาห กรรมรถยนต์และรถไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่น รถไฟทางคู่ ที่จะเห็นความคืบหน้าชัดเจนในปี 2562 แม้ว่าการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนและสินเชื่อเพื่อการหมุนเวียนปัจจุบันยังค่อนข้างน้อยอยู่

[caption id="attachment_319686" align="aligncenter" width="503"] นายเดชา ตุลานันท์ นายเดชา ตุลานันท์[/caption]

ส่วนการเลือกตั้งที่ชัดเจนว่า จะมีขึ้นในปี 2562 นั้น เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสบายใจมากขึ้น แต่การเติบโตของสินเชื่อหรือเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ที่เลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นกับเศรษฐกิจต่างประเทศด้วย เช่น ปัญหาพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะจะมีผลต่อการเติบโตและความผันผวนของตลาดได้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2562 น่าจะทรงตัวอยู่ที่กรอบ 5% ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก  สำหรับภาพรวมสินเชื่อต่างประเทศ นายเดชากล่าวว่า ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยประเทศที่เห็นการเติบโตได้ดีกว่าประเทศอื่นจะเป็นอินโดนีเซียและเมียนมา โดยเฉพาะเมียนมา

ซึ่งธนาคารกรุงเทพได้ใบอนุญาตจากทางการเมียนมาเพียงแห่งเดียวที่เป็นธนาคารเต็มรูปแบบ (Full Branch) ประกอบกับเมียนมายังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธาร-ณูปโภคไม่เพียงพอ ทำให้มีนักลงทุนสนใจเข้าไปขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค หรือการตั้งฐานการผลิต ส่งผลให้การเติบโตของทั้ง 2 ประเทศค่อนข้างดี และเป็นที่น่าจับตามอง

ขณะที่เวียดนามในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ขยายตัวดีขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นตาม โดยจะเห็นว่า มีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนามค่อนข้างมาก ซึ่งธนาคารมีลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อ ทั้งลูกค้าท้องถิ่น คนไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม และลูกค้าในภูมิภาค ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งปล่อยกู้ร่วม(Syndicated loan) สินเชื่อเทรดไฟแนนซ์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโต จะเป็นสิ่งทอ ขนส่งชิปปิ้ง และแมนูแฟกเจอริ่ง ซึ่งปัจจุบันธนาคารมี 2 สาขาคือ โฮจิมินห์ กับฮานอย

“ถ้าดูสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศของธนาคารรวมทุกประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ 18% เทียบกับฐานสินเชื่อรวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้ในอาเซียนเรามีครบทุกประเทศแล้ว เรากำลังพิจารณานำเทคโนโลยีหรือดิจิตอลไปปรับใช้ในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตและการแข่งขันที่มีมากขึ้น”

ขณะที่นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ภายในเดือนหน้าคาดว่า QR Code บัตรเดบิตและเครดิตจะสามารถออกจากศูนย์ทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน(Regulatory Sandbox) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ ซึ่ง QR Code บัตรเดบิตและบัตรเครดิตนี้จะสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการในประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า และสิงคโปร์ได้ โดยบัตรดังกล่าว เป็นบัตรที่ร่วมกับยูเนี่ยนเพย์ (TPN UnionPay) ซึ่งปัจจุบันมีฐานบัตรเดบิต TPN UnionPay ประมาณ 5 ล้านใบ จากฐานบัตรเดบิตรวมที่มี 14-15 ล้านใบ

หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,402 วันที่ 20 - 22 กันยายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62-7