ศาลยกฟ้องคดีคิงเพาเวอร์ "ชาญชัย" ยื่นอุทธรณ์ต่อ

18 ก.ย. 2561 | 13:25 น.
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้องคดีคิงเพาเวอร์ ชี้! ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง-สิทธิยังไม่ถูกกระทบ "ชาญชัย" จ่อยื่นอุทธรณ์ ส่งคำพิพากษาศาลถึง ป.ป.ช. สอบเอาผิดเจ้าหน้าที่ ทอท. ต่อ

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อท. 352/2560 ระหว่าง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะกรรมมาธิการ (กธม.) ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต กมธ.วิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กับพวกรวม 18 คน ในข้อกล่าวหาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เรียกเก็บเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ครบถ้วน ตามสัญญาบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งกำหนดให้ผู้รับสัมปทานจ่ายค่าตอบแทนให้ ทอท. 15% ของยอดขายก่อนหักค่าใช้จ่ายและค่าภาษี โดยปรากฏว่า ทอท. เรียกเก็บเงินจากผู้รับสัมปทานแค่ 3% ทำให้รัฐเสียหาย 14,290 ล้านบาท นายชาญชัยจึงขอให้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ลงโทษผู้กระทำความผิดและริบเงินทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ก่อนเวลานัดฟังคำพิพากษา นายชาญชัย พร้อมด้วย พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และทนายฝ่ายโจทก์ เดินทางมาพร้อมเพรียงกัน ซึ่งตุลาการศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา โดยไล่เรียงเหตุการณ์ต่อเนื่องมาเป็นลำดับ ก่อนพิพากษายกฟ้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การใช้สิทธิตามกฎหมายของโจทก์ ซึ่งใช้สิทธิโดยอาศัยสิทธิในฐานะผู้ถือหุ้น มิใช่บุคคลทั่วไป ซึ่งมีข้อจำกัดสิทธิ ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายที่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้นที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นผู้ถือหุ้น 5%

ซึ่งเมื่อ ทอท. แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ตาม พ.ร.บ.มหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ที่กฎหมายกำหนดให้มีกรรมการคณะหนึ่งเพื่อดำเนินกิจการของบริษัท ทั้งยังเป็นบริษัทตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่มีบทบัญญัติว่า ในการดำเนินกิจการของบริษัท กรรมการและผู้บริหาร ต้องปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบ ด้วยความระมัดระวัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุประสงค์และข้อบังคับของ บริษัทและมติของคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมของผู้ถือหุ้นนั้น ๆ

กรณีนี้โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นจะดำเนินการใดเกี่ยวกับการบริหารกิจการย่อมต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติดังกล่าว และสิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นจะถูกกระทบหรือได้รับความเสียหาย ก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการตามก่อนบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติดัวกล่าว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และเนื่องจากสิทธิของโจทก์ยังไม่ถูกกระทบ และยังไม่ได้รับความเสียหาย จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง


ชาญชัย

ด้าน นายชาญชัย กล่าวยืนยันว่า จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลภายใน 30 วัน และเตรียมยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อสอบเอาผิดเจ้าหน้า ทอท. ต่อไปด้วย

"จะอุทธรณ์เรื่องอำนาจฟ้อง เพื่อให้ตรงกับเจตนารมย์ของการตั้งศาล ที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็มีสิทธิที่จะนำเรื่องเข้าสู่ศาลพิจารณา เนื่องจากเป็นความเสียหายสาธารณะ และจะนำคำพิพากษาทั้งหมดส่งให้กับ ป.ป.ช. เพื่อยื่นฟ้องดำเนินการทันที เคารพการตัดสินของศาลและขอขอบคุณศาลที่ได้ชี้แนะในคำตัดสินเพื่อที่จะได้เดินตามในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป" นายชาญชัย ระบุ

สำหรับคดีนี้ศาลฯ มีคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2560 เนื่องจากเห็นว่า เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559


e-book-1-503x62-7