ชาวบ้าน จ.กระบี่ สุดทน "ปัญหาขยะ" !! ยื่น 'บิ๊กตู่' แก้ไขด่วน 4 ข้อ
กลุ่มคนรักในช่อง ยื่นหนังสือถึง "พล.อ.ประยุทธ์" แก้ไขด่วน 4 ข้อ สุดทนนาน 10 ปี เทศบาลเมืองกระบี่นำขยะจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม จนเกินกำลังที่จะบริหารจัดการ ทำให้ขยะมีปริมาณสูงเป็นกองภูเขา จนเกิดปัญหาผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม พร้อมต้านให้ย้ายโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชนไปตั้งที่อื่น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พ.จ.อ.ปัญญา หิรัญ ประธานกลุ่มคนรักในช่อง อ.เมือง จ.กระบี่ และชุมชนบ้านในช่อง หมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ในนามกลุ่มคนรักในช่อง ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เทศบาลเมืองกระบี่จัดการแก้ไขผลกระทบจากบ่อฝังกลบขยะให้ถูกต้อง ตามหลักสุขาภิบาล และยั่งยืน โดยเร่งด่วน และขอให้เทศบาลเมืองกระบี่ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชน ที่หมู่ 1 ต.ทับปริก และหมู่ 1 ต.ไสไทย รวมถึงให้ตรวจสอบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน และการใช้พื้นที่ 251 ไร่ ของเทศบาลเมืองกระบี่
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางเทศบาลเมืองกระบี่ได้ตั้งบ่อขยะแบบฝังกลบที่บ้านทับไม้ หมู่ 1 ต.ไสไทย และหมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา ซึ่งในช่วงแรกการบริหารจัดการเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะมีปริมาณขยะจำนวนน้อย มีโรงงานคัดแยกขยะทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น
หลังจากนั้น ทางเทศบาลได้นำขยะจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม จนเกินกำลังที่จะบริหารจัดการได้ จึงปล่อยปละละเลยในการบริหารจัดการ และบริหารจัดการไม่ถูกหลักสุขาภิบาล ทำให้ขยะมีปริมาณสูงเป็นกองภูเขา จนเกิดปัญหาผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านบริเวณรอบบ่อขยะเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว และตลอดเวลาชาวบ้านได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์ไปยังเทศบาลและหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาโดยตลอด แต่ปัญหาผลกระทบดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนปัจจุบันถึงขั้นวิกฤตแล้ว
นอกจากนี้ที่ผ่านมา ทางเทศบาลอ้างแต่เรื่องจะสร้างโรงไฟฟ้าขยะเพื่อมาจัดการปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ชาวบ้านมองว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขยะ
ล่าสุด ชาวบ้านผู้รับผลกระทบในนาม "กลุ่มคนรักในช่อง" ต้องการให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เข้าไปดำเนินการแก้ไขดังนี้ 1.ขอให้ทางเทศบาลแก้ไขปัญหาผลกระทบจากบ่อขยะ เช่น ปัญหาน้ำเสีย กลิ่นเหม็น แมลงวัน สุนัขจรจัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 2.ให้รับขยะ 3 แหล่ง คือ เทศบาลเมืองกระบี่ อบต.ทับปริก อบต.ไสไทย ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อปี 2538 เท่านั้น 3.ให้ย้ายโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชนไปตั้งที่อื่น เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในทำเลไม่เหมาะสม และอยู่ใกล้ชุมชนมาก เช่น อยู่ใกล้โรงเรียนบ้านในช่องเพียง 800 เมตร เท่านั้น และไม่มั่นใจในการบริหารจัดการของเทศบาลเมืองกระบี่ 4.ให้ตรวจสอบการทำงานของเทศบาลเมืองกระบี่ที่เกี่ยวข้องกับบ่อขยะและการใช้พื้นที่จำนวน 251 ไร่ รวมทั้งเครื่องจักรและโรงงานคัดแยกขยะที่ชำรุด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พ.จ.อ.ปัญญา หิรัญ ประธานกลุ่มคนรักในช่อง อ.เมือง จ.กระบี่ และชุมชนบ้านในช่อง หมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ในนามกลุ่มคนรักในช่อง ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เทศบาลเมืองกระบี่จัดการแก้ไขผลกระทบจากบ่อฝังกลบขยะให้ถูกต้อง ตามหลักสุขาภิบาล และยั่งยืน โดยเร่งด่วน และขอให้เทศบาลเมืองกระบี่ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชน ที่หมู่ 1 ต.ทับปริก และหมู่ 1 ต.ไสไทย รวมถึงให้ตรวจสอบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน และการใช้พื้นที่ 251 ไร่ ของเทศบาลเมืองกระบี่
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางเทศบาลเมืองกระบี่ได้ตั้งบ่อขยะแบบฝังกลบที่บ้านทับไม้ หมู่ 1 ต.ไสไทย และหมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา ซึ่งในช่วงแรกการบริหารจัดการเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะมีปริมาณขยะจำนวนน้อย มีโรงงานคัดแยกขยะทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น
หลังจากนั้น ทางเทศบาลได้นำขยะจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม จนเกินกำลังที่จะบริหารจัดการได้ จึงปล่อยปละละเลยในการบริหารจัดการ และบริหารจัดการไม่ถูกหลักสุขาภิบาล ทำให้ขยะมีปริมาณสูงเป็นกองภูเขา จนเกิดปัญหาผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านบริเวณรอบบ่อขยะเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว และตลอดเวลาชาวบ้านได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์ไปยังเทศบาลและหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาโดยตลอด แต่ปัญหาผลกระทบดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนปัจจุบันถึงขั้นวิกฤตแล้ว
นอกจากนี้ที่ผ่านมา ทางเทศบาลอ้างแต่เรื่องจะสร้างโรงไฟฟ้าขยะเพื่อมาจัดการปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ชาวบ้านมองว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขยะ
ล่าสุด ชาวบ้านผู้รับผลกระทบในนาม "กลุ่มคนรักในช่อง" ต้องการให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เข้าไปดำเนินการแก้ไขดังนี้ 1.ขอให้ทางเทศบาลแก้ไขปัญหาผลกระทบจากบ่อขยะ เช่น ปัญหาน้ำเสีย กลิ่นเหม็น แมลงวัน สุนัขจรจัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 2.ให้รับขยะ 3 แหล่ง คือ เทศบาลเมืองกระบี่ อบต.ทับปริก อบต.ไสไทย ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อปี 2538 เท่านั้น 3.ให้ย้ายโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชนไปตั้งที่อื่น เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในทำเลไม่เหมาะสม และอยู่ใกล้ชุมชนมาก เช่น อยู่ใกล้โรงเรียนบ้านในช่องเพียง 800 เมตร เท่านั้น และไม่มั่นใจในการบริหารจัดการของเทศบาลเมืองกระบี่ 4.ให้ตรวจสอบการทำงานของเทศบาลเมืองกระบี่ที่เกี่ยวข้องกับบ่อขยะและการใช้พื้นที่จำนวน 251 ไร่ รวมทั้งเครื่องจักรและโรงงานคัดแยกขยะที่ชำรุด
