ไมเนอร์ฯ เดินหน้าเทงบกว่า 1 แสนล้าน ลงทุน 3 ธุรกิจหลักใน 5 ปี
ไมเนอร์ ฯ เร่งลงทุนธุรกิจต่างประเทศ หวังก้าวสู่ระดับ Global วางแผนธุรกิจระยะยาว 5 ปีลงทุน 5 หมื่นล้านบาทและอีกกว่า 5 หมื่นล้านบาทสำหรับเข้าถือหุ้นเอ็นเอช โฮเทล เล็งกำไรจากนี้ไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี
วิลเลี่ยม ไฮเน็ค
นายวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันไมเนอร์มีธุรกิจครอบคลุม 64 ประเทศ ใน 5 ทวีปทั่วโลก แบ่งเป็น โรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 594 แห่ง ร้านอาหาร 2,130 สาขา และร้านค้า จุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องใช้ในบ้านกว่า 429 แห่ง ภายใตแบรนด์ที่หลากหลาย จนบัจจุบันทำให้บริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 1.7 แสนล้านบาทและมีพนักงานกว่า 8 หมื่นคนทั่วโลก ขณะเดียวกันในช่วงปลายปี 2560 บริษัทได้วางแผนระยะยาว 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2560 – 2565 ตั้งเป้ามีกำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี 15-20% รวมถึงการลงทุนธุรกิจราว 4-5 หมื่นล้านบาท หากรวมงบลงทุนธุรกิจ NH Hotel Groupอีกกว่า 5 หมื่นล้านบาาท ก็จะใช้เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อเน้นการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้ขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ด้วยการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 45% ในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำดำเนินธุรกิจโรงแรมจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาดริด โดยเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจโรงแรมกว่า 380 แห่งและมีจำนวนห้องพักรวมเกือบ 6 หมื่นห้องภายใต้แบรนด์ NH Collection , NH Hotel , nhow และ Hesperia ใน 30 ประเทศ อาทิ ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
“เมื่อมองย้อนกลับไป บริษัทถือว่าเดินมาไกลมากๆ จากครั้งที่ตนได้เริ่มก่อตั้งบริษัทโฆษณาและบริษัททำความสะอาดสำนักงาน จนกระทั่งในปี 2561 ได้เริ่มเข้ามาลงมือทำธุรกิจโรงแรม โดยผ่านความท้าทายต่างๆ ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นในวันนี้ จากวันนั้นที่ใช้เงินลงทุนเพียง 2.5 หมื่นบาทและพนักงานไม่กี่คนในประเทศไทย จนปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าราคาตามตลาดกว่า 1.7 แสนล้านบาท”
บริษัทมองว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การวางแผนกลยุทธ์ระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแผนธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนกระจายธุรกิจ โดยมีทั้งแบรนด์และรูปแบบการทำธุรกิจในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน
ขณะเดียวกันความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด สิ่งที่เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรนั่นคือบุคลากรที่มีความสามารถ ทั้งผู้บริหารและพนักงานที่สามารถสร้างและขยายเครือข่ายแบรนด์ให้แข็งแกร่ง รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้นให้ความสำคัญเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า คือ เรื่องของเทคโนโลยี ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจของไมเนอร์ทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ท ร้านอาหาร และร้านค้า จุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น ซึ่งประเภทธุรกิจข้างต้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุน เช่น การบริการสั่งอาหารผ่านระบบออนไลน์ หรือระบบจ่ายเงินอัตโนมัติ อื่นๆ บริษัทต้องพยายามตามเทรนด์ให้ทันตลอดเพื่อให้สอดคล้องความต้องการของลูกค้า
ปัจจุบันบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจ 3 ประเภท โรงแรมและรีสอร์ท ร้านอาหาร และร้านค้า จุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องใช้ในบ้าน ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะพิซซ่า คอมปะนี , สเวนเซ่นส์ ,ซิซซ์เล่อร์ , แดรีควีน , เบอร์เกอร์ คิง อื่นๆ ขณะเดียวกันบริษัทยังเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ได้แก่ แก็ป , บานาน่า รีพลับบลิค , ชาร์ล แอนด์ คีธ , อเนลโล่ , บรูคส์ บราเธอร์ส ฯ