'อะโดบี' เปิดตัวนวัตกรรมวิดีโอแห่งอนาคต

'อะโดบี' เผยโฉมฟีเจอร์ใหม่ด้านงานวิดีโอ ที่จะพร้อมใช้งานใน Adobe Creative Cloud ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการผลิตวิดีโอ ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมอบความสามารถที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบโจทย์งานสร้างสรรค์ของผู้สร้างภาพยนตร์และมืออาชีพด้านวิดีโอ รวมถึงการอัพเดท Adobe Sensei พลังขับเคลื่อนแอนิเมชั่น, เครื่องมืออัจฉริยะสำหรับการขจัดเสียงรบกวน, ฟีเจอร์การปรับแก้สี, เทมเพลตโมชันกราฟิกขั้นสูงที่อาศัยข้อมูล และการสนับสนุน VR 180 แบบครบวงจร ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยให้ผู้ผลิตภาพยนตร์และมืออาชีพด้านวิดีโอมีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการสร้างสรรค์ และใช้เวลาน้อยลงในการทำงานตัดต่อซ้ำ ๆ




โปรแกรมอะโดบี Premiere Pro, After Effects และแอพอื่น ๆ ใน Creative Cloud อยู่เบื้องหลังของงานตัดต่อที่ทันสมัยที่สุดในฮอลลีวูดของช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงซีรี่ส์อย่าง "Atlanta" "Stranger Things" และ "MINDHUNTER" งานสารคดีเช่น "RBG, Unbanned" และ "Wild Wild Country" งานมิวสิควิดีโอเช่น เพลง "This Is America" ของไชล์ดิช แกมบิโน (Childish Gambino) มิวสิควิดีโอเพลง "Have It All" ของเจสัน มราซ (Jason Mraz) รวมทั้งภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ ๆ อย่าง "Searching" "The Ballad of Buster Scruggs" และ "THE OLD MAN & THE GUN."






นายสตีฟ วอร์เนอร์ รองประธานฝ่ายวิดีโอและเสียงดิจิตอลของอะโดบี กล่าวว่า "มืออาชีพด้านวิดีโอประสบปัญหาเรื่องกำหนดเวลาที่กระชั้นชิด การมอบหมายงานที่เชื่องช้า การเปิดตัว Creative Cloud รุ่นล่าสุดนี้นำเสนอนวัตกรรมและความสามารถใหม่ ๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้และทำให้ทำงานได้เร็วและง่ายขึ้น"

อัพเดตทั้งหมดนี้ ล่าสุด อะโดบีเปิดตัว Project Rush, ซึ่งเป็นแอพตัดต่อวิดีโอรุ่นแรกที่ทำงานแบบครบวงจรบนหลายอุปกรณ์ ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับผู้สร้างเนื้อหาคอนเทนต์ออนไลน์ Project Rush นำเสนอประสบการณ์ผู้ใช้ที่มีความคล่องตัวสูง ใช้งานง่าย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างสรรค์และแบ่งปันคอนเทนต์ออนไลน์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยใช้ประโยชน์จาก Premiere Pro และ After Effects และสามารถเปิดโครงการ Project Rush ได้อย่างไร้รอยต่อใน Premiere Pro ซึ่งขณะนี้อยู่ในรุ่นทดลองใช้งาน จะเปิดให้ใช้งานจริงในช่วงปีนี้




เวิร์กโฟลว์การทำงานด้านวิดีโอและเสียงที่รวดเร็วขึ้นความสามารถใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเติมให้กับ Adobe Creative Cloud ในช่วงปีนี้ มีดังต่อไปนี้ :

• สร้างแอนิเมชั่นด้วยวิธีการใหม่ ๆ – ใส่เลเยอร์ให้กับรูปทรงใหม่ ๆ แบบไดนามิก ด้วยเครื่องมือ Mesh Sculpting ซึ่งบิด โค้งงอ และปรับขนาดภายใต้การควบคุมแบบสร้างสรรค์ใน After Effects ที่ใช้ AI และเทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (Machine Learning)ใน Adobe Sensei, สร้างและทำให้ตัวละครเคลื่อนไหวได้ทันที โดยใช้เว็บแคมและอาร์ตเวิร์กต้นแบบ ด้วย Characterizer ตัวใหม่ของ Character Animator

• ปรับปรุงเสียงให้ดีขึ้น – ปรับปรุงเสียงด้วยเครื่องมืออัจฉริยะสำหรับการขจัดเสียงรบกวน นั่นคือ DeNoise และ DeReverb ในแผงเครื่องมือ Essential Sound ใน Adobe Audition ปรับลดหรือลบออกสำหรับเสียงแบ็คกราวด์และเสียงก้องจากคลิปเสียง ซึ่งถูกปรับแต่งอย่างชาญฉลาดด้วยอัลกอริธึมที่ปรับเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น

• การควบคุมสี – ใช้การคาดเดาจากการปรับเส้นโค้งและนำความเรียบง่ายและเพิ่มความสะดวกแม่นยำในการปรับแก้เลือกสีและการจัดการสีด้วยเครื่องมือใหม่ Lumetri Color ใน Premiere Pro และ After Effects

• เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นเรื่องราว – ลากและปล่อยไฟล์สเปรดชีตไว้ในเทมเพลต Motion Graphics เพื่อสร้างภาพแสดงข้อมูลภายในโครงงานวิดีโอของคุณ โดยใช้อินโฟกราฟิกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลใน Premiere Pro

• ดื่มด่ำกับวิดีโออย่างเต็มอิ่ม – วิดีโอ 180 องศามีฟีเจอร์รองรับใหม่ ๆ ใน Premiere Pro และ After Effects รวมถึงการนำเข้า เอฟเฟ็กต์ และเอาต์พุตใน Google VR 180 สำหรับการดูบน YouTube หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ

• ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ – เชิญบุคคลหรือกลุ่มคนเข้าร่วมในทีมโปรเจ็กต์ เข้าถึงสมาชิกทีมจากสมุดรายชื่อขององค์กรของคุณ เพื่อเลือกผู้ประสานงาน และบันทึกกลุ่มคนทำงาน

• ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ Adobe Stock – ค้นหาและจัดเรียงวิดีโอภาพยนตร์ 4K และ HD รวมถึงเทมเพลต Motion Graphics ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพได้โดยตรงจากแผงเครื่องมือ Essential Graphics ใน Premiere Pro และ After Effects