ตลาดบ้านเศรษฐีพันล้าน 3ปีมาร์เก็ตแคปทะลุ2.5หมื่นล.

23 ก.ย. 2561 | 00:46 น.
สันติบุรี1 Gracious ลัดดาวัลย์ ตลาดบ้านหรูระดับลักชัวรี ปีนี้ค่อนข้าง คึกคัก แม้ระดับราคาขายค่อนข้างแพง มากกว่า 40 ล้านบาทขึ้นไป สูงกว่าบ้านในตลาดแมสค่อน ข้างมาก เพราะกำลังซื้อดี ไม่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนแถมยังเป็นเรียลดีมานด์ ดังนั้น ยิ่งภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างดี ช่วยหนุนการเติบโตตลาดบ้านหรูได้เป็นอย่างดี จึงได้เห็นดีเวลอปเปอร์บางบริษัทคิดพัฒนาบ้านหรูระดับ 6 ดาว ราคา 200-300 ล้านบาทออกมายั่วกิเลสลูกค้ารายใหญ่หรือไฮเน็ตเวิร์ธ

สำหรับบ้านหรูระดับลักชัวรีค่อนข้างต่างจากบ้านเซ็กเมนต์ทั่วไป ตรงที่อยู่บนทำเลที่ดี ศักยภาพสูง มีพื้นที่ใช้สอยมาก ดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ครบครัน ที่สามารถตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ได้มากที่สุด เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหรูเป็นเจ้าของธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ต้องการความแตกต่างและความโดดเด่น เป็นส่วนหนึ่งที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ และยังมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

อิสสระ
ฐานลูกค้ารายใหญ่โต

นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เค.อี.กรุ๊ป 1 ในรายใหญ่ผู้พัฒนาบ้านระดับลักชัวรี ได้ฉายภาพรวมตลาดบ้านหรูในเมืองไทยว่า บ้านราคาขายตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมามีประมาณ 25,000 ล้านบาท หรือปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2560 พบว่าฐานลูกค้าประเภทไฮเน็ตเวิร์ธในกรุงเทพฯ มีประมาณ 91,000 คน ไม่นับรวมลูกค้าต่างชาติ ซึ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% สำหรับตลาดบ้านหรูปี 2561 นี้เติบโตกว่า 10%

เช่นเดียวกับฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่คาดการณ์ตลาดบ้านหรูระดับราคาขายเริ่มต้นเกิน 40 ล้านบาท ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่พัฒนาโครงการเปิดขายใหม่อีกเกือบ 100 หน่วย และคาดว่ามูลค่าการลงทุนรวมของการพัฒนาโครงการระดับราคาเริ่มต้นเกิน 40 ล้านบาทในปีนี้จะเกิน 15,000 ล้านบาท

คริสตัลโซลานา

บ้านแสนสิริ
เขย่าตลาด 200 ล้านอัพ

แม้จะได้ชื่อตลาดบ้านหรู แต่ก็มีระดับชั้นความหรูและราคาหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ระดับลักชัวรี ซูเปอร์ลักชัวรี และอัลตราลักชัวรี ด้านราคาก็มีแบ่งเป็น กลุ่มเช่นกัน 20-30 ล้านบาทกลุ่มหนึ่ง 40 ล้านบาทขึ้นไปจนอาจแตะหลัก 100 ล้านบาทก็มี หรือกลุ่มราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปอีกกลุ่มหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ดี กลุ่มระดับราคาที่เป็นตลาดหลักอยู่ที่ 40-50 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีผู้เล่นที่เป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ควอลิตี้ เฮ้าส์,เอสซี แอสเสท และชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ แต่ละชื่อล้วนมีภาพลักษณ์บริษัทอันดับต้นๆ ในตลาดบ้าน แพง แต่สามารถเข้าถึงได้ (ไม่ยากเกินไป)

นายวิรัชต์ มั่นเจริญพร กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ กล่าวว่าบริษัทยึดแนวทางการทำตลาดบ้านหรูในราคาที่ซื้อได้ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคา 20-30 ล้านบาท ยกเว้นโครงการเดอะแกรนด์ ปิ่นเกล้า ที่มีบ้านเดี่ยวราคา 120 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงหลังเดียว ทั้งนี้ บ้านระดับ 20-30 ล้านบาทมีฐานลูกค้าค่อนข้างกว้างกว่าระดับราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป สามารถทำยอดขายได้ต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่บ้านแพงระดับอัลตรานั้นปีหนึ่งๆ อาจขายได้เพียง 1-2 หลังเท่านั้น

MP31-3402-Aweb

แต่ล่าสุด มีบริษัทอสังหา ริมทรัพย์ชั้นนำนอกเหนือจากที่กล่าวมา เปิดเกมรุกตลาดบ้านระดับราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท โดยค่ายแสนสิริ ปัดฝุ่นแบรนด์ “บ้านแสนสิริ” มาทำตลาดอีกครั้ง บนทำเลพัฒนาการ ด้วยราคาเริ่มต้น 65-240 ล้านบาท มี 36 หลัง หวังสร้างสถิติบ้าน แพงที่สุดในเมืองไทย ว่ากันว่า ถึงวันนี้ขายได้แล้ว 60% โดยเฉพาะบ้านที่ราคาแพงที่สุดก็มีลูกค้าจับจองเป็นที่เรียบร้อย

จากนั้นก็มีค่ายเค.อี.กรุ๊ป เจ้าตลาดบ้านหรูย่านประดิษฐ์มนูธรรม ก็หวนกลับมาบุกตลาดอีกครา เปิดตัวโครงการคริสตัล โซลานา มี 51 หลัง ขายในราคา 60-300 ล้านบาท เพราะทำเลติดถนนใหญ่-ประดิษฐ์มนูธรรม อีกค่ายที่น่าจับตา สิงห์ เอสเตท ปั้นแบรนด์ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” เป็นโครงการบ้านหรูระดับอัลตรา ลักชัวรี บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมเช่นกันแต่ราคาขายเริ่มต้น 245-300 ล้านบาท และทั้งโครงการมีเพียง 25 หลัง บนเนื้อที่โครงการกว่า 45 ไร่ จัดเป็นโครงการบ้านหรูที่แพงที่สุด ณ ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซุ่มพัฒนาบ้านรุ่นพิเศษซูเปอร์ลักชัวรี ราคา 350-400 ล้านบาท ภายในโครงการลัดดาวัลย์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า มีเพียง 3 หลังเท่านั้น วางแผนจะเผยโฉมให้เข้าชมบ้านได้ประมาณต้นปีหน้า ส่วนบ้านเดี่ยวในโครงการเดียวกันนี้ที่เปิดขายในปัจจุบันอยู่ที่ระดับราคา 60-200 ล้านบาท เป็นคฤหาสน์หรูสร้างเสร็จก่อนขาย

ก็ต้องดูกันว่าตลาดบ้าน แพงกลุ่มอัลตรา ลักชัวรี เซ็กเมนต์ บนยอดพีระมิด จะมีแนวโน้มอย่างไรในอุตสาหกรรมที่อยู่
อาศัยของไทย เพราะลูกค้าที่เข้าถึงได้ไม่ใช่เศรษฐีระดับร้อยล้าน แต่ต้องระดับพันล้านขึ้นไป หรือเจ้าของกิจการที่ทำธุรกิจส่งออก และกิจการขนาดใหญ่ จะถูกใจสักเท่าไร

……………………………………………………………….

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3402 ระหว่างวันที่ 20 - 22 กันยายน 2561

23626556