พาณิชย์ จัดสัมมนา SMEs ไทยก้าวไกลในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
พาณิชย์จัดสัมมนา SMEs ไทยก้าวไกลในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เนื่องอนาคตการแข่งขันในยุค Digital จะเป็นตัวเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและจะมีมูลค่าทางตลาดอาเซียนสูงขึ้นในปี 2568 ถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวภายหลังการสัมมนา "SMEs ไทยก้าวไกลในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4" ว่า การสัมมนาหัวข้อ 4IR กับมิติใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ ถูกจัดขึ้นเพื่อระดมสมองผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลให้มูลค่าเศรษฐกิจ Digital ของ 6 ตลาดใหญ่อาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เติบโตจากปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปสู่ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 จนกลายเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
สำหรับการประกาศนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) ส่งผลให้ไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศในกลุ่มผู้นำของอาเซียน ซึ่งพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งในโอกาสที่ประเทศไทยจะขึ้นเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ไทยก็จะเสนอให้อาเซียนร่วมกันผลักดันประเด็นการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้น เข้าสู่ที่ประชุมอาเซียน เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันให้ประสบความสำเร็จต่อไป โดยกลุ่มเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจ เช่น การสร้างโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะราย การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) หรือ หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานมนุษย์ การเชื่อมต่อข้อมูลจากคนสู่สิ่งของด้วยระบบเซนเซอร์และการจัดลำดับพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยต้องไม่หยุดการพัฒนา เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลในวงกว้างนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรับรู้และสามารถวางแผน สร้างกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจให้สามารถรับมือต่อโลกธุรกิจในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวภายหลังการสัมมนา "SMEs ไทยก้าวไกลในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4" ว่า การสัมมนาหัวข้อ 4IR กับมิติใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ ถูกจัดขึ้นเพื่อระดมสมองผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลให้มูลค่าเศรษฐกิจ Digital ของ 6 ตลาดใหญ่อาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เติบโตจากปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปสู่ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 จนกลายเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
สำหรับการประกาศนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) ส่งผลให้ไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศในกลุ่มผู้นำของอาเซียน ซึ่งพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งในโอกาสที่ประเทศไทยจะขึ้นเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ไทยก็จะเสนอให้อาเซียนร่วมกันผลักดันประเด็นการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้น เข้าสู่ที่ประชุมอาเซียน เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันให้ประสบความสำเร็จต่อไป โดยกลุ่มเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจ เช่น การสร้างโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะราย การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) หรือ หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานมนุษย์ การเชื่อมต่อข้อมูลจากคนสู่สิ่งของด้วยระบบเซนเซอร์และการจัดลำดับพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยต้องไม่หยุดการพัฒนา เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลในวงกว้างนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรับรู้และสามารถวางแผน สร้างกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจให้สามารถรับมือต่อโลกธุรกิจในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงได้
