ME by TMB เดินเกมส์สู่ “ดิจิทัล เอ็กซ์พีเรียนซ์”เปิดใช้ E-KYC เฟสแรก ต.ค.

17 ก.ย. 2561 | 09:12 น.
ME by TMB รุกใช้ E-KYC เฟสแรกเดือนต.ค. หวังกระตุ้นลูกค้าก้าวสู่ “ดิจิทัล เอ็กซ์พีเรียนซ์” เจาะฐานลูกค้าใหม่3เดือนก่อนสิ้นปี

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB กล่าวถึงทิศทางของดิจิทัลแบงก์กิ้งว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และสิงคโปร์ เป็นดิจิทัลแบงก์กิ้งเต็มรูปแบบและนำเทคโนโลยีที่สูงขึ้นมาแข่งขันในเรื่องการสร้างประสบการณ์ใหม่ตอบโจทย์ให้ตรงจุดเป็นรายบุคคล ไม่ใช่แค่เรื่องของการโอน ถอน ฝาก หรือจ่ายบิล เท่านั้น ส่วนในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างหลายประเทศในทวีปแอฟริกา หรือ ประเทศฟิลิปปินส์ มองว่า มีโอกาสเติบโตสูง โดยในประเทศฟิลิปปินส์ ประชาชนเข้าถึงระบบธนาคารเพียง 20-30% น้อยกว่าประเทศไทย ซึ่งคนไทยมีบัญชีธนาคารมีอยู่ประมาณ 80% ของประชากรทั้งหมด
ขณะที่ประชากรทั่วโลกต่างก็มีมือถือ มีระบบอินเทอร์เน็ตเกือบทุกพื้นที่ ดังนั้น การนำโมบายแบงก์กิ้ง และดิจิทัลแบงก์กิ้ง เข้ามาเป็นตัวช่วยให้ประชากรเข้าถึงธนาคารได้ง่าย ทั่วถึง และรวดเร็วขึ้น สำหรับประเทศไทยประชาชนมีความคุ้นเคยและทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น โดยเฉพาะโมบายแบงก์กิ้ง เติบโตรวดเร็วมาก หลังจากเปิดให้บริการระบบพร้อมเพย์ และธนาคารพาณิชย์ต่างลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
ben สำหรับแนวทางพัฒนาระบบดิจิทัลแบงก์กิ้งของ ME by TMB ว่าเดือนตุลาคมนี้จะมีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในขั้นตอนการแสดงพิสูจน์ตัวตน (Electronic Know Your Customer : E-KYC) มาให้บริการสำหรับการเปิดบัญชี ME ซึ่งเฟสแรก ลูกค้าสามารถเปิดบัญชี ME SAVE ได้ด้วยพาสปอร์ต และใช้ได้กับสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ (android) ที่มีฟังก์ชั่น NFC ก่อนเท่านั้น และเฟสสองภายในปี 2561 จะสามารถใช้ได้ทั้งพาสปอร์ต และบัตรประชาชน ผ่านสมาร์ทโฟนทั้งระบบ android และ iOS

"การใช้ E-KYC เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้นในการเปิดบัญชี สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องกรอกข้อมูลมากมายให้ยุ่งยาก และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสาขาเพื่อยืนยันตัวตนเหมือนเดิมอีกต่อไป รวมทั้งมีความปลอดภัยเพราะมีการยืนยันความเป็นตัวตนด้วยตนเอง ช่วยป้องกันการปลอมแปลงหรือสวมสิทธิ์การเปิดบัญชี”

ขณะเดียวกันในส่วนของธนาคารก็จะช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากในการยืนยันตัวตนของลูกค้า สามารถเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างภาครัฐ เอกชน และธนาคารเข้าด้วยกัน และช่วยลดต้นทุนการทำงานด้านต่างๆ ของธนาคาร ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น แล้วแปลงคืนกลับมาเป็นผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยที่สูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไปได้ถึง 4.5 เท่า และบริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าด้วย ซึ่ง ME คาดว่าจะมีลูกค้า25 %ของเป้าหมายลูกค้าใหม่ จะเริ่มหันมาใช้ทางเลือกการเปิดบัญชีผ่านทาง online โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบ Android และมีฟังก์ชั่น NFC ในช่วง 3 เดือนหลัง (ต.ค.-ธ.ค. 61) ปัจจุบันมีฐานลูกค้าจำนวน3.4แสนบัญชี
090861-1927-9-335x503-8-335x503 ทั้งนี้ ระบบ E-KYC ของ ME by TMB ออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย และมีความต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “ทำเองได้มากกว่า” โดยกระบวนการE-KYCของMEเน้นความปลอดภัยมากกว่า 3 ชั้น ได้แก่ การตรวจสอบข้อมูลว่าออกโดยกรมการกงสุล การสแกนใบหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ HD Face Liveness Detection เพื่อเปรียบเทียบภาพถ่าย และการตรวจสอบข้อมูลจากบัตรประชาชนแบบ real-time ทำให้ทราบถึงสถานะปัจจุบันของข้อมูล โดยทั้งหมดจะอยู่ในขั้นตอนการเปิดบัญชีแบบ E-KYC ที่ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น

นอกเหนือจากการพัฒนาการใช้งาน E-KYC เพื่อการเปิดบัญชีแล้ว ธนาคารฯ ยังมีแผนจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดแทนการให้บริการอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัว หรือแม้แต่การทำธุรกรรมผ่านช่องทางต่างๆ ที่สามารถใช้ E-KYC มาช่วยเพิ่มความปลอดภัย รวมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงวิธีการใช้งานในชีวิตประจำวัน สามารถทำทุกอย่างบนแพลตฟอร์มที่เป็นดิจิทัล โดยไม่ใช่แค่การนำระบบที่สาขา (Physical) มาไว้ในแอพพลิเคชั่น หรือออนไลน์ เพื่อนำไปสู่ “ดิจิทัล เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Digital Experience) อย่างแท้จริง

e-book-1-503x62-7