'ดีเอสไอ' โต้ "อดีต ส.ส.ปปช." ยัน 2 คดีคืบหน้า

17 ก.ย. 2561 | 10:32 น.
"ดีเอสไอ" โต้ "อดีต ส.ส.ปชป." แจง 2 คดีคืบหน้า ยันคดี "ฝายแม้ว" ถึงมือ ป.ป.ช. แล้ว ส่วนคดีรถหรู ส่งความเห็นให้อัยการแล้วบางส่วน ที่เหลืออยู่ในกระบวนการรวบรวมหลักฐานจาก ตปท. ยันเร่งทำงานร่วมกับอัยการเพื่อให้ได้พยานหลักฐานมาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากข่าวทางสื่อโซเชียลเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2561 กรณีที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวโดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าคดีทุจริตที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ไม่มีความคืบหน้า ทั้ง ๆ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับงบประมาณตรวจสอบการทุจริตมากกว่า 2,000 ล้านบาท แต่การทำหน้าที่ตรวจสอบกลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรนั้น ล่าสุด (17 ก.ย.) ทีมโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เผยแพร่หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของกรมสอบสวนคดี ดังนี้

1.กรณีคดีทุจริตการก่อสร้างฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน หรือ ฝายแม้ว นั้น คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2552 ให้คดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและการทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบภาวะวิกฤติโลกร้อน ประจำปีงบประมาณ 2551 เป็นคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 71/2552 และเนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่อยู่ในอำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2552 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2549 ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แยกส่งเฉพาะประเด็นกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐคืนมาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวน เป็นคดีพิเศษที่ 115/2552


วัชระ2

ภายหลังเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2554 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. มายังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้โอนเรื่องและส่งเอกสาร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่วมกระทำผิดด้วย ซึ่งเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการอยู่เป็นเรื่องกล่าวหาในประเด็นเกี่ยวพันกับกรณีกล่าวหาบุคคลตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2552 ไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2554 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว


ดีเอสไอ1

2.สำหรับคดีเกี่ยวกับการทุจริตนำเข้ารถยนต์จดประกอบและรถยนต์สำเร็จรูปเลี่ยงภาษีอากรนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยรับคดีพิเศษทั้งสิ้น 134 คดี ซึ่งหลายคดีมีการสอบสวนเสร็จสิ้น และสรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ส่วนคดีที่เหลืออยู่ในกระบวนการรวบรวมหลักฐานจากต่างประเทศ ซึ่งต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 ที่มีอัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการประสานงานกับสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อร่วมกันประสานงานและแก้ไขข้อขัดข้องเพื่อให้ได้พยานหลักฐานมาดำเนินคดีโดยเร็วอยู่แล้ว

ทั้งยังชี้แจงในประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยว่า มีภารกิจในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน และสอบสวนคดีความผิดทางอาญาตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งงบประมาณดังกล่าว ไม่ได้มีการจำแนกว่าเป็นงบประมาณสำหรับปราบปรามอาชญากรรมด้านใดด้านหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยในแต่ละปีงบประมาณ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับจัดสรรงบประมาณในภาพรวมเพียง 1,000 ล้านบาทเศษ ไม่ได้มีงบประมาณในด้านการปราบปรามการทุจริตดังที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด


ดีเอสไอ2

e-book-1-503x62-7