เชฟโรเลตจับมือธูเล่ โชว์เก๋า เอาใจคนกิจกรรมเยอะ

16 ก.ย. 2561 | 09:18 น.
 

หาอีเวนต์ทำไปเรื่อยสำหรับ “เชฟโรเลต” ที่ปัจจุบันเน้นทำตลาดในกลุ่มปิกอัพ และพีพีวีเป็นหลัก ล่าสุดก็ไปจับมือกับ “ธูเล่” (Thule) จากสวีเดน เพื่อโชว์ความโดดเด่นของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ผ่านกิจกรรม Colorado X Thule บนเส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี

โดยเชฟโรเลต โคโลราโด จะติดตั้งกล่องบรรทุกสัมภาระ ตัวจับจักรยานไว้บนหลังคาและกระบะท้าย  ซึ่งแปลกหูแปลกตาดีครับ เพราะตัวรถมันอเนกประสงค์ สามารถบรรทุกคน ขนของได้สบายอยู่แล้ว แต่เมื่อเจอกับสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลกอย่าง “ธูเล่” ยังส่งให้รถหล่อขึ้น แถมเพิ่มอรรถประโยชน์ได้อีก

ที่สำคัญเมื่อจักรยานถูกวางอยู่บนหลังคาแล้ว คุณยังมั่นใจได้เพราะที่ผ่านมา “ธูเล่” ไม่เคยโดนร้องเรียนเรื่องอุบัติเหตุ จากความผิดพลาดของสินค้า (หากติดตั้งอย่างถูกต้อง)

DSC_2121

DSC_2258

อย่างไรก็ตาม การขับรถถ้ามีจักรยานอยู่บนหลังคา มันก็จะเสียวๆ หน่อย ดังนั้นผู้ขับคงต้องศึกษาเส้นทางล่วงหน้า ว่าจะไม่ลอดผ่านสะพานเตี้ยๆ ต้นไม้ กิ่งไม้ หรือต้องเข้าไปบางสถานที่ที่หลังคาตํ่า ประเด็นนี้คนขับต้องระวังกันเอง (เทคนิคคือหาสติกเกอร์ หรือห้อยป้าย คอยเตือนคนขับเอาไว้ว่ามีจักรยานอยู่บนหัว)

สำหรับ “ธูเล่” ในไทยดูแลตลาดโดย เทคโนเซลเฟรย์ เจ้าเดียวกับที่ขายฟิล์มกรองแสง “ลามิน่า” นั่นละครับ ซึ่งรายนี้เขาเน้นนำเข้าและเป็นตัวแทนขายแต่โปรดักต์คุณภาพ มาตรฐานระดับโลก อย่างธูเล่ยอดขายในไทยต่อปีประมาณ 30 ล้านบาท เป็นรายได้จากตัวจับจักรยาน 60% ที่เหลือเป็นสัดส่วนของกล่องเก็บของ กระเป๋าเดินทาง และอื่นๆ

ประกอบง่าย นํ้าหนักเบา วัสดุคุณภาพ ล็อกแน่น ถือเป็นจุดเด่นที่แบรนด์อื่นๆ ลอกเลียนได้ยาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาหลายหมื่นบาท อย่างชุดคานขวางมาตรฐาน 12,000 บาท  ไม่รวมชุดจับจักรยานบนหลังคาแบบถอดล้อหน้า อีก 9,000 บาท  หรือกล่องบรรทุกสัมภาระบนหลังคา รุ่น Touring M White Gossy (Limited Edition) ราคาก็เกือบ 40,000 บาท

...เอาเป็นว่าซื้อแล้วได้ใช้บ่อยๆ เดี๋ยวก็คุ้มค่าครับ ได้ทั้งพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นและความปลอดภัย

DSC_2394

ในส่วนเชฟโรเลต โคโลราโด ที่ถือเป็นปิกอัพที่เน้นสมรรถนะ อึด ถึกทน อยู่แล้ว และรุ่นปีหลังๆ ตั้งแต่ 2017 เป็นต้นมา วิศวกรของจีเอ็มพยายามปรับจูนจนน่าใช้ ทั้งเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน และช่วงล่างที่นุ่มสบายมากขึ้น (แต่ก็ยังแข็งในสไตล์ปิกอัพอยู่ดี) ทั้งยังออกรุ่นแต่งหล่อออพชันเต็มมาเป็นทางเลือก

อย่างรุ่น “สตอร์ม” ที่ใช้ตัวถังดับเบิลแค็บของไฮคันทรี มาแต่งเพิ่มเติม ไล่ตั้งแต่ สปอร์ตบาร์  ล้ออัลลอยสีดำดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว มือจับเปิดประตู มือจับเปิดฝาท้าย เส้นขอบหน้าต่าง และกันชนท้ายพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง ตลอดจนสติกเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก High Country สติกเกอร์ STORM ตกแต่งด้านข้างตัวรถลายสปอร์ต และกระจกมองข้างสีดำ และโมเดลปี 2019 ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่ “สีส้ม Orange Crush” จากเดิมที่มีสีแดง สีดำ สีขาว สีเทา สีนํ้าตาล และสีนํ้าเงิน เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม มีฟังก์ชันที่เป็นจุดขาย(ใส่มานานแล้ว) อย่างการเชื่อมต่อความบันเทิงกับ แอปเปิล คาร์เพลย์ ตลอดจนกุญแจรถแบบมีฟังก์ชันรีโมต สตาร์ต ถ้าอยู่ในรัศมีสามารถสั่งให้เครื่องยนต์และเครื่องปรับอากาศทำงานล่วงหน้า (ก่อนจะเข้าไปในรถ) ระบบกระจกประตูหล่น (เหมือนรถยุโรป) ช่วยให้การปิดประตูง่ายขึ้น และระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ

DSC_3000

DSC_3028

ขณะที่ตัวรถใหญ่อลังการ ความยาวเกือบ 5.5 เมตร ระยะตํ่าสุดจากพื้น (Ground Clearance) 219 มม. และตอนที่โยนตัวเองเข้าไปในตำแหน่งผู้ขับไม่มีปัญหา เพราะเชฟโรเลต ติดตั้งบันไดข้างและมือดึงตรงเสาเอมาให้ด้วย

ส่วนขุมพลังในโมเดล 2019 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร เป็นดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  อัตราเร่งดี เรี่ยวแรงมาเต็มทุกเกียร์ ขณะที่ความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ที่เกียร์ 6อยู่ประมาณ 1,900 รอบ  ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันจากการลองขับทางไกลใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. เห็นตัวเลข 12 กม./ลิตร

DSC_2174

ช่วงล่างหน้าปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและโช้กอัพแก๊ส ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนและโช้กอัพแก๊ส เน้นความหนึบแน่น โคลงเคลงน้อย แต่ยังแข็งกระเด้งกระดอนอยู่บ้าง ซึ่งผมยอมรับว่าการรองรับนุ่มนวลขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นที่เปิดตัวในช่วงแรกๆ

สำหรับ เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์มรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.028 ล้านบาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.098 ล้านบาท

โดย : กรกิต กสิคุญ

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,401 วันที่ 16 - 19 กันยายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62-7