ยังไม่เสียหาย ศาลปค.สูงสุดยกคำร้องคดีซากฟอสซิลหอยขมเหมืองแม่เมาะ

13 ก.ย. 2561 | 11:06 น.
 

ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายกคำร้อง คดีซากฟอสซิลหอยขมเหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ชี้ ยังไม่เกิดความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 กันยายน) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายเฉลียว ทิสาระ กับพวกรวม 18 ราย ซึ่งเป็นประชาชนที่มีภูมิลำเนารอบเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ ฟ้องขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีกำหนดพื้นที่แหล่งซากหอยขมดึกดำบรรพ์ในพื้นที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
โดยศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า มติคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ที่กำหนดพื้นที่ซากหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะเป็นพื้นที่อนุรักษ์เนื้อที่ 52 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำบรรพ์ 18 ไร่ รวมพื้นที่อื่นอีก 34 ไร่ ซึ่งมีผลเป็นการเพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2547 ที่กำหนดพื้นที่ซากหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะเป็นพื้นที่ 43 ไร่ เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ก็ได้ตรวจสอบและทำการรังวัดกันเขตพื้นที่ประทานบัตรเลขที่ 24349/15341 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ./ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ออกจากพื้นที่อนุรักษ์ซากหอยขมดึกดำบรรพ์ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การทำเหมืองของ กฟผ. จึงเป็นการกระทำนอกพื้นที่อนุรักษ์แหล่งซากหอยขมดึกดำบรรพ์ตามมติของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ซากหอยขมดึกดำบรรพ์ส่วนที่เหลือเนื้อที่ 18 ไร่ในพื้นที่อนุรักษ์ยังคงตั้งอยู่ได้ จึงยังไม่มีเหตุที่ศาลจะกำหนดคำบังคับให้ กฟผ.ดำเนินการจัดทำสิ่งป้องกันมิให้เกิดการพังทลายของซากหอยขมดึกดำบรรพ์อันเกิดจากการทำเหมือง ซึ่งหากมีเหตุการณ์พังทลายเช่นว่านั้นเกิดขึ้นจริง ผู้ฟ้องคดีก็ชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลเป็นอีกเรื่องหนึ่งได้ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติครม.(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เพิกถอนประทานบัตรเลขที่ 24349/15341ในส่วนที่เป็นพื้นที่แหล่งซากฟอสซิลหอยขมดึกดำบรรพ์ จำนวนเนื้อที่ 43 ไร่ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(ผู้ถูกฟ้อคดีที่ 3) ควบคุมและสั่งการให้ กฟผ. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามเงื่อนไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตรเลขที่ 24349/15341 โดยจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมกรณีแหล่งซากฟอสซิลหอยขมดึกดำบรรพ์เพิ่มเติมเพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการโดยกำหนดให้ กฟผ.(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ดำเนินการจัดทำสิ่งป้องกันมิให้เกิดการพังทลายของซากฟอสซิลอันเกิดจากการทำเหมืองหินลิกไนต์และภัยธรรมชาติและให้ครม.(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) สั่งการให้กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนแหล่งซากฟอสซิลหอยขมดึกดำบรรพ์เป็นเขตโบราณสถาน โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด