ฟังเสียงเอกชน-นักวิชาการ ... เด้งรับ "เลือกตั้ง" หนุน ศก. ปีหน้าดีแน่!!!

13 ก.ย. 2561 | 09:14 น.
130961-1542

เป็นการเด้งรับกับข่าวดี หลังรัฐบาลประกาศไทม์ไลน์เลือกตั้ง ส.ส. ขณะที่ สหรัฐอเมริกาจะเปิดการเจรจาการค้ากับจีนรอบใหม่ ถือเป็นข่าวเชิงบวกทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ (13 ก.ย. 2561) สดใสมาก พุ่งต่อไปกว่า 20 จุดในช่วงเช้า กระทั่งช่วงบ่ายยังดันหุ้นไทยพุ่งต่อเนื่องเกือบ 40 จุด

หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561

นั่นแปลว่า กฎหมาย ส.ส. มีผลบังคับใช้หลังจากนี้ 90 วัน ที่จะต้องเตรียมการเลือกตั้ง กำหนดเขตให้เรียบร้อย หรือ ช่วงเดือน ธ.ค. ปีนี้ ที่กฎหมาย ส.ส. จะมีผลบังคับใช้ ต้องเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับจากเดือน ธ.ค. 2561 เท่ากับว่าจะมีการเลือกตั้งได้ราวปลายเดือน ก.พ. 2562 เป็นอย่างเร็ว หรือ อย่างช้าไม่น่าจะเกินเดือน พ.ค. ปีหน้า


ไทม์ไลน์เลือกตั้ง

นับเป็นความคืบหน้าทางการเมือง ที่ทำให้ประชาชนและภาคเอกชนต่างมีความหวัง และมั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะปลุกความเชื่อมั่นด้านต่าง ๆ กลับมา รวมถึงปลุกกำลังซื้อภายในประเทศให้กลับมาคึกคักขึ้น

"ฐานเศรษฐกิจออนไลน์" ติดตามความเคลื่อนไหวนี้จากปฏิกิริยาของภาคเอกชนและนักวิชาการ ต่างสะท้อนออกมาในมุมใกล้เคียงกันว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จะปลุกความเชื่อมั่นของประเทศไทยกลับมาได้แน่นอน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ไทยในสายตาต่างชาติก็จะดีขึ้นด้วย

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเลือกตั้งจะทำให้ความเชื่อมั่นของทุนต่างชาติกลับมาคึกคัก รวมถึงการเจรจาด้านต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะทำให้เกิดการยอมรับมากขึ้น

SU

"การเลือกตั้งครั้งนี้ หากไม่เกิดปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างทาง ก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนในปี 2562 ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน เพราะพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยดีอยู่แล้ว การขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ ของไทยจะเดินหน้าต่อไปได้"

เช่นเดียวกับที่ น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้พูดมาโดยตลอดว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เมื่อกำหนดกรอบที่ชัดเจนแล้ว ก็อย่าเปลี่ยนบ่อย เพราะนักลงทุนต่างชาติจะได้กลับไปวางแผนธุรกิจของตัวเองได้ โดยขณะนี้ มีทุนอยู่ 3 ก้อน ที่จะขับเคลื่อนใหม่และจะเกิดขึ้นในประเทศไทย คือ 1.ทุนที่เกิดจากการลงทุนอยู่แล้ว โดยผู้ประกอบการจะมีการขยายธุรกิจ โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง เพราะมองว่า รัฐบาลมีนโยบายด้านการลงทุนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เช่น การลงทุนในอีอีซี ก็จะลงทุนต่อยอดต่อไป

ปูฐานพร้อมหมดแล้ว
2.กลุ่มที่เป็นนักลงทุนที่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ที่อาจจะมีความกังวลเรื่องการเลือกตั้งอยู่ แต่เมื่อรัฐออกมาประกาศความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งขึ้น อย่างช้าไม่เกินเดือน พ.ค. ก็ทำให้ทุนกลุ่มนี้มีความมั่นใจมากขึ้น

3.การลงทุนด้านหุ้น หรือ กองทุนต่าง ๆ เป็นกลุ่มที่อ่อนไหว และที่ผ่านมาจะมีกองทุนใหญ่ ๆ ที่ไม่สามารถลงทุนในประเทศที่ไม่มีการเลือกตั้งได้ ก็จะกลับมาลงทุนมากขึ้นหลังเลือกตั้ง

JA

"โดยส่วนตัวยังมีความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจรวมปี 2562 จะไปโลด เพราะเวลานี้ภาครัฐได้ทำทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งในแง่นโยบาย พื้นฐานการลงทุน งบประมาณ รวมถึงมาตรการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่พร้อมอยู่แล้ว"

มองการเมืองจิตวิทยา ตอกย้ำเชื่อมั่นมากขึ้น
นอกจากนี้ มุมมองจากนักวิชาการ นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง กล่าวว่า ขณะนี้มีความแน่นอนค่อนข้างสูงมากที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2562 หลังจากที่มีเรื่องของเงื่อนเวลากำหนดไว้ว่า ภายใน 90 วัน จะต้องเตรียมการเลือกตั้งให้เรียบร้อย และ 150 วัน จะต้องมีการเลือกตั้ง นับเป็นข่าวดีในแง่จิตวิทยา

แต่ถ้ามองในแง่การลงทุน เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า ในขณะที่เรายังไม่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เรายังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีอยู่แล้ว ขณะที่ หุ้นขึ้นก็เพราะเศรษฐกิจไทยดีขึ้นด้วย รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบเสรี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐต่อภาครัฐมีมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นภาพดีอยู่แล้ว เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ยิ่งตอกย้ำในเรื่องความเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ มากขึ้นไปอีก

SO

อีกเพียงอึดใจเดียวที่เราคนไทยจะได้เห็นประชาธิปไตยเต็มใบซะที มีการเลือกตั้งและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ปลุกบรรยากาศการลงทุนรวมกลับมาคึกคักขึ้นกว่าเดิม

หวังว่าในระหว่างทางหากไม่มีคลื่นใด ๆ มาแทรกให้การเมืองไทยตกหลุมอากาศอีก ก็เชื่อว่า ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่น่าลงทุนที่สุดในขณะนี้ ที่สำคัญมีเสียงกระซิบจากบิ๊กทุนรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า ขณะนี้ทั้งจีนและญี่ปุ่นกำลังจัดเวทีหารือร่วมกันเป็นครั้งแรกในประเทศที่สาม หลังจากที่มองเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยน่าลงทุน! ขณะที่ ท่าทีภาคเอกชนไทยอาจมีแนวโน้มสูงที่จะแห่ปรับเป้าจีดีพีเหนือจากตัวเลขที่คาดการณ์ไว้!

……………….
รายงานพิเศษ โดย TATA007

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทูตสหรัฐโปรยยาหอม! เลือกตั้ง มีรัฐบาลพลเรือน ไทยแข็งแกร่งรุ่งเรือง
ชัวร์!!! เลือกตั้ง 24 ก.พ. 62 "พล.อ.ประวิตร" การันตี

เพิ่มเพื่อน ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว