อคส.พิรุธเอื้อบิ๊กโรงสีติดคดี

13 ก.ย. 2561 | 10:25 น.
 

นบข.กังขาคดีจำนำข้าวของตำรวจ-ป.ป.ท.ไม่ตรงกัน สั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบก่อนส่งฟ้อง ขณะวงการข้าวตื่น บิ๊ก อคส.ทำหนังสือหลุด สั่งเบรกแบงก์ชะลอยึดหลักประกันสัญญาบิ๊กเจ้าของคลัง-โรงสีติดบ่วงคดี 22 ล้าน สุดท้ายผิดหวังเอื้อแค่รายเดียว โวย 2 มาตรฐาน

คดีเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2551-2557 ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐกว่าแสนล้านบาท มีการดำเนินการฟ้องร้องทั้งนักการเมืองและเอกชน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีการตัดสินลงโทษอดีตนักการเมืองไปแล้ว ยังเหลือในส่วนของภาคเอกชนนั้น

ล่าสุดแหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการติดตามผลการดำเนินคดีกรณีข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลการดำเนินการของคณะอนุฯ มีจำนวนคดีขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รวม 1,062 คดี (อคส. 800 คดี อ.ต.ก. 262 คดี)  มีความแตกต่างจากจำนวนการแจ้งความดำเนินคดีของ อคส.และอ.ต.ก.ซึ่งมียอดรวม 1,210 คดี (อคส. 921 คดี อ.ต.ก. 289 คดี) หรือต่างกันอยู่ 148 คดี โรงสี1 copy

ดังนั้น ทาง นบข.จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบความแตกต่างของจำนวนคดี โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ ตรวจสอบความแตกต่างของจำนวนคดีในทุกขั้นตอน รวมถึงคดีที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ด้วย จำนวน 993 คดี (กราฟิกประกอบ) TP8-3400

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 อคส.และอ.ต.ก.ได้รับนโยบายจากกระทรวงพาณิชย์ให้ 2 หน่วยงาน มีคำสั่งถึงธนาคารต่างๆ เรื่องขอให้ชำระหนี้ตามภาระคํ้าประกัน เนื่องจากคู่สัญญาทำผิดเงื่อนไขและทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ริบหลักประกันหรือเรียกค่าเสียหายจากคู่สัญญาได้แล้ว โดยธนาคารต้องยอมชำระเงินแทนให้ทันทีโดยมิต้องเรียกร้องให้คู่สัญญาชำระก่อน

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผย ว่า ล่าสุดทาง อคส.ได้ทำหนังสือหลุดออกมาฉบับหนึ่ง โดยลงตราประทับเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 เลขที่ อคส.1061/5113 มีคำสั่งเรื่องการเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามหนังสือคํ้าประกัน ถึงผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)สาขาถนนสวรรค์วิถี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนังสือคํ้าประกัน 9 ฉบับ รวมจำนวนเงินกว่า 22.8 ล้านบาท ซึ่งมีสาระสำคัญว่า เนื่องจากข้อพิพาทกรณีที่คู่สัญญาปฏิบัติผิดสัญญา ยังเป็นข้อพิพาทซึ่งจะต้องรอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดก่อน อันส่งผลให้เงื่อนไขในหนังสือคํ้าประกันยังไม่ชัดเจนว่าคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้กับ อคส.หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งของสัญญาจะมีสิทธิริบหลักประกันหรือเรียกค่าเสียหายใดๆ จากคู่สัญญาได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพียงใด

ดังนั้นเพื่อให้เงื่อนไขตามหนังสือคํ้าประกันดังกล่าวครบถ้วน ก่อนที่ อคส.จะใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายจึงขอแจ้งให้ทราบว่า อคส.ขอชะลอการเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระคํ้าประกันไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลว่าคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้ กับ อคส.หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวแล้ว อคส.จะมีหนังสือเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามภาระคํ้าประกันต่อไป

จากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้โรงสี-คลังสินค้าเฮกันทั่วประเทศ แต่หลังจากสืบไปสืบมาพบว่ามีหนังสือฉบับนี้ออกมาเพียงฉบับเดียวที่ยกเว้นให้กับผู้ประกอบการโรงสี ซึ่งเป็นเจ้าของคลังรายหนึ่งส่วนรายอื่นนั้น อคส.กลับสั่งให้ธนาคารริบหลักประกันปกติ ตั้งคำถามกันว่า 2 มาตรฐานหรือไม่

ขณะที่นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการ อ.ต.ก. กล่าวว่า ทาง อ.ต.ก.จะปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลโดยริบหลักประกันก่อน หากศาลตัดสินชี้ขาดว่าคู่กรณีไม่ผิดก็จะคืนหลักทรัพย์ให้ภายหลัง ไม่ได้ยุ่งยากอะไร  e-book-1-503x62

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,400 วันที่ 13-15 กันยายน 2561