ผนึก 10 ชาติอาเซียน รีด "ภาษี OTT"
กสทช. จัดประชุมกลุ่มอาเซียน ลุยเก็บภาษีโฆษณาบน OTT ชี้รายได้รั่วไหลออกนอกประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจไทย เดินหน้าให้มีการจัดตั้งเฟซบุ๊ก-ยูทูบในกลุ่มอาเซียน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า งานประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติ International Symposium on Converging Technologies and Disruptive Communications- Moving Forward นี้ เป็นการประชุมเพื่อหารือกันในกลุ่มประเทศอาเซียนในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่เป็นรายได้ของประเทศจากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มโอทีที (Over The Top) ซึ่งในอนาคตข้างหน้าหากไม่มีการจัดการที่ดี รายได้ก็จะออกนอกประเทศหมด ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องล้มหายตายจาก ทั้งของประเทศไทยและในกลุ่มของอาเซียน หรือ ลุกลามไปทั่วโลก จึงต้องขอความร่วมมือจากหลายประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
[caption id="attachment_315621" align="aligncenter" width="371"]
ฐากร ตัณฑสิทธิ์[/caption]
"วันนี้เรกูเลเตอร์ของในหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ แคนาดา ก็มาร่วมงาน เราก็พยายามที่จะบอกเขาไปทั่วโลกว่า ตอนนี้มันกำลังส่งผลอย่างรุนแรงแล้ว อีก 4-5 ปีข้างหน้า จะต้องส่งผลอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น หากไม่ช่วยกันเตรียมการป้องกันในเรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้น"
ขณะเดียวกัน เมื่อก่อนการโฆษณาจะผ่านทีวี วิทยุ หรือ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ แต่ปัจจุบัน งบประมาณในการโฆษณามีอยู่จำนวนเท่าเดิม แต่กลับออกไปอยู่บนช่องทาง YouTube, Facebook หรือ แพลตฟอร์มโอทีทีอื่น รายได้กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จากการโฆษณาลดลงไปเรื่อย ๆ อีกทั้งการซื้อสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้รายได้ของประเทศตกตํ่าลงอย่างแน่นอน
"ตอนนี้เรากำลังคุยตกลงกันในกลุ่มของอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ เห็นพ้องต้องกันที่จะต้องมีการดำเนินการในส่วนนี้ว่า จะให้ Facebook หรือ YouTube ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องไปทุกประเทศก็ได้ แต่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนก็น่าจะเพียงพอ เช่น ถ้าจัดตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ก็จะต้องมีการมาจ่ายภาษีให้ประเทศไทยด้วย" นายฐากร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การประชุมอาเซียนในครั้งนี้ เน้นยํ้าในเรื่องของการเก็บภาษีจากโอทีที ที่จะต้องเก็บให้ได้ ซึ่งทาง กสทช. ไม่อยากให้มองที่เรื่องของเนื้อหา เพราะความแตกต่างในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน แต่จะพูดไปถึงเรื่องรายได้ที่ลดน้อยลงของแต่ละประเทศ จะส่งผลกระทบเกี่ยวกับธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งทุกคนเห็นร่วมกัน
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3400 ระหว่างวันที่ 13 - 15 ก.ย. 2561
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า งานประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติ International Symposium on Converging Technologies and Disruptive Communications- Moving Forward นี้ เป็นการประชุมเพื่อหารือกันในกลุ่มประเทศอาเซียนในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่เป็นรายได้ของประเทศจากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มโอทีที (Over The Top) ซึ่งในอนาคตข้างหน้าหากไม่มีการจัดการที่ดี รายได้ก็จะออกนอกประเทศหมด ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องล้มหายตายจาก ทั้งของประเทศไทยและในกลุ่มของอาเซียน หรือ ลุกลามไปทั่วโลก จึงต้องขอความร่วมมือจากหลายประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
[caption id="attachment_315621" align="aligncenter" width="371"]
"วันนี้เรกูเลเตอร์ของในหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ แคนาดา ก็มาร่วมงาน เราก็พยายามที่จะบอกเขาไปทั่วโลกว่า ตอนนี้มันกำลังส่งผลอย่างรุนแรงแล้ว อีก 4-5 ปีข้างหน้า จะต้องส่งผลอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น หากไม่ช่วยกันเตรียมการป้องกันในเรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้น"
ขณะเดียวกัน เมื่อก่อนการโฆษณาจะผ่านทีวี วิทยุ หรือ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ แต่ปัจจุบัน งบประมาณในการโฆษณามีอยู่จำนวนเท่าเดิม แต่กลับออกไปอยู่บนช่องทาง YouTube, Facebook หรือ แพลตฟอร์มโอทีทีอื่น รายได้กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จากการโฆษณาลดลงไปเรื่อย ๆ อีกทั้งการซื้อสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้รายได้ของประเทศตกตํ่าลงอย่างแน่นอน
"ตอนนี้เรากำลังคุยตกลงกันในกลุ่มของอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ เห็นพ้องต้องกันที่จะต้องมีการดำเนินการในส่วนนี้ว่า จะให้ Facebook หรือ YouTube ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องไปทุกประเทศก็ได้ แต่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนก็น่าจะเพียงพอ เช่น ถ้าจัดตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ก็จะต้องมีการมาจ่ายภาษีให้ประเทศไทยด้วย" นายฐากร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การประชุมอาเซียนในครั้งนี้ เน้นยํ้าในเรื่องของการเก็บภาษีจากโอทีที ที่จะต้องเก็บให้ได้ ซึ่งทาง กสทช. ไม่อยากให้มองที่เรื่องของเนื้อหา เพราะความแตกต่างในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน แต่จะพูดไปถึงเรื่องรายได้ที่ลดน้อยลงของแต่ละประเทศ จะส่งผลกระทบเกี่ยวกับธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งทุกคนเห็นร่วมกัน
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3400 ระหว่างวันที่ 13 - 15 ก.ย. 2561
