สสว.ประกาศผลรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 10 และ SME Start up ครั้งที่ 2
แชร์
10 ก.ย. 2561 | 09:21 น.
สสว.ประกาศผลรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 10 และ SME Start up ครั้งที่ 2 มั่นใจศักยภาพผู้ได้รับรางวัล เตรียมแผนพัฒนาต่อเนื่อง เสริมฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง พร้อมมุ่งแข่งขันในระดับนานาชาติ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 10 และรางวัล SME Start up ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่8กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ ดร.พานิช เหล่าศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บริหาร และผู้ประกอบการ SME ให้การต้อนรับ ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รางวัลล้วนแต่เป็น SME ระดับแนวหน้าที่มีศักยภาพสูง แบ่งเป็น รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 10 จำนวน 45 กิจการ และรางวัล SME Start up ครั้งที่ 2 จำนวน 104 กิจการ
ตามที่รัฐบาลโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญและผลักดันให้การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อพัฒนา SME ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สสว. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม SME ของประเทศ ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาและยกระดับ SME ไทยให้สามารถเติบโตได้ตามวงจรธุรกิจอย่างมีศักยภาพ บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การประกวดรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ และ รางวัล SME Start up
โครงการประกวดรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ หรือ SME National Awards จัดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2549 โดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้รับความร่วมมือจากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ นำแนวทางของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award - TQA) มาปรับใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาตัดสินธุรกิจที่เข้าร่วมประกวด เพื่อสรรหา SME ต้นแบบที่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานที่ดี มีความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับผู้ประกอบการ SME รายอื่นๆ ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงวิธีดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา สามารถต่อยอดผู้ประกอบการที่ผ่านเวทีการประกวดให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 3 กิจการ และอยู่ระหว่างการเตรียมตัวอีก 8 กิจการ โดยการจัดประกวดรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด สุดยอดเพชรน้ำดี SME ไทย มีผู้ประกอบการ SME สมัครเข้าร่วมประกวดจำนวน 1,062 ราย
ส่วนการประกวดรางวัล SME Start up จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการ SME ที่เพิ่งเริ่มดำเนินกิจการ ไม่เกิน 3 ปี แต่มีศักยภาพโดดเด่น เพื่อให้เป็นแบบอย่าง ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานที่ดีให้เป็นแบบอย่างและสร้างแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 มีผู้ประกอบการ SME สมัครเข้าร่วมประกวดจำนวน 1,092 ราย
ผลการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ผู้ประกอบการทุกท่านต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น การสัมภาษณ์ การตรวจประเมินสถานประกอบการ และผ่านการพิจารณาตัดสินรางวัลจากคณะกรรมการฯ ที่เป็นผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และผู้แทนจากสมาคมฯ ที่เกี่ยวข้องกับ SME รวม 17 องค์กร สามารถคัดเลือกผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 10 จำนวน 45 รางวัล และรางวัล SME Start up ครั้งที่ 2 จำนวน 104 รางวัล
โดยนายอุตตม สาวนายน ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลไว้ว่า การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และดำเนินการเป็นภารกิจเร่งด่วนมาโดยตลอด เนื่องจาก SME คือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดย สสว. เป็นศูนย์กลางประสานการทำงาน และเชื่อมโยงนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริม SME อย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาตนเองให้เติบโตจากผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ไปสู่ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสะท้อนบทบาทของ SME ให้มีความชัดเจน ในฐานะกลไกหลักในการขับเคลื่อนและสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างแท้จริง รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ และรางวัล SME Start up เป็นเสมือนเครื่องหมายเชิดชูเกียรติทุกท่านสู่การเป็นต้นแบบผู้ประกอบการ SME ที่มีความสามารถในการบริหารกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่ดี มีความโปร่งใส และมีธรรมาภิบาล ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการ SME รายอื่นๆ เกิดความตื่นตัว และตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้เติบโต เข้มแข็ง พร้อมรองรับการแข่งขันทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ