พาณิชย์โล่งระบายข้าวหมด 18 ล้านตัน มีเงินคืนคลัง 1.46 แสนล้านบนาท ลดภาระค่าบริการจัดการที่สูงถึงเดือนละ 1,800 ล้านบาท หรือ 9.3 หมื่นล้านบาทได้ เตรียมรายงานคณะอนุปิดบัญชีสัปดาห์หน้า ก่อนรายงาน นขบ. ย้ำจำเป็นต้องแบ่งกองขาย เพื่อกันไม่ให้ข้าวคุณภาพต่ำวนกลับเข้ามาสู่ตลาดข้าวเพื่อการบริโภค ซึ่งจะฉุดให้ราคาข้าวทั้งระบบตกต่ำลง
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี นับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2557 - ก.ย. 2561 กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐและเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้ทำการระบายข้าวจำนวน 18 ล้านตัน ในสต็อกของรัฐจนหมด โดยดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่คณะกรรมการ นบข. ที่ให้ความเห็นชอบและทำความเข้าใจกับผู้ร่วมประมูล ตลอดจนชี้แจงผ่านสื่อให้สาธารณชนรับทราบในทุกขั้นตอน มีการกำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง หลักเกณฑ์ และขั้นตอนดำเนินการที่ชัดเจน โปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและผลกระทบต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยในทุกมิติ มีการจัดกลุ่มการระบายอย่างชัดเจน ทั้งการระบายแบบทั่วไปที่คนบริโภคได้ จนถึงประเภทที่คนกินไม่ได้ แล้วจึงได้ตัดสินใจระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม ทำให้มีรายได้จากการะบายข้าวในสต็อกทั้งสิ้น 146,176 ล้านบาท
"จากกระแสข่าวที่มีผู้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายจากการระบายข้าวในสต็อกของรัฐนั้น กรมการค้าต่างประเทศขอเรียนว่า ในข้อเท็จจริงความเสียหายต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยได้เกิดมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมาได้ตัดสินใจดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว เพราะเมื่อเริ่มระบายข้าวตันแรกก็ขาดทุนแล้ว เนื่องจากต้นทุนที่รับจำนำข้าวไม่สอดคล้องกับระดับราคาข้าวในตลาด ซึ่งเป็นภาระที่คนไทยทั้งประเทศต้องแบกรับต่อมา โดยต้องเสียงบประมาณในการจัดเก็บเฉลี่ยสูงถึงเดือนละ 1,800 ล้านบาท ขณะที่ การเร่งรัดระบายข้าวออกจากสต็อกช่วยลดภาระค่าจัดเก็บ ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 96,300 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ยังไม่รวมความเสียหายส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะ ทำหน้าที่สรุปข้อมูลความเสียหายทางบัญชีรายงานต่อ นบข. ในทุก ๆ ปี ทั้งนี้ กรมจะรายงานไปยังคณะอนุปิดบัญชีภายในสัปดาห์หน้า ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการบิหารจัดการข้าว (นบข.) รับทราบต่อไป"
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าต่างประเทศ ย้ำว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องปรับแนวทางการระบาย โดยแยกข้าวออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อแยกตลาดให้ชัดเจน เนื่องจากภาครัฐไม่สามารถปล่อยให้มีการนำข้าวเสื่อมคุณภาพไปขายในตลาดปกติได้ เพราะจะกระทบต่อชื่อเสียง ความเชื่อมั่น ความเชื่อถือในคุณภาพข้าวไทย และจะเกิดวงจรการกดราคาข้าวในตลาดปกติด้วย
ทั้งนี้ ปริมาณข้าวที่กรมได้ระบายออกไป แบ่งเป็น ข้าวกลุ่ม P กลุ่ม A กลุ่ม B ซึ่งเป็นข้าวกลุ่มที่คนสามารถบริโภคได้มีปริมาณ 12.2 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวผิดชนิด ปริมาณประมาณ 7.3 แสนตัน ซึ่งแบ่งเป็นข้าวกลุ่ม 2 ปริมาณ 4.7 ล้านตัน และข้าวกลุ่ม 3 ปริมาณ 8 หมื่นตัน