ทัพธุรกิจไทยได้คู่ผงาดในลาว

10 ก.ย. 2561 | 10:12 น.
พาณิชย์ เผยขนเอสเอ็มอีไทยบุกลาวชื่นมื่น ธุรกิจแฟรนไชส์ อาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการศึกษา วัสดุก่อสร้างได้คู่ทำธุรกิจเพิ่ม เจรจาขายสินค้าได้กว่า 60 ล้าน  มั่นใจค้าไทย-ลาวโต 2 เท่าในปี 2564 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของ สปป.ลาว(JTC ไทย-ลาว) ครั้งที่ 7 ณ นครหลวงเวียงจันทน์  ว่า ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งของไทย-ลาว และภายในภูมิภาค รวมไปถึงการหารือการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมศักยภาพการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษในบริเวณชายแดนที่อยู่ติดกันซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและเชื่อมโยงการขนส่งภายในภูมิภาคซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและเชื่อมโยงการขนส่งภายในภูมิภาค ให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนต้นทุนค่าขนส่งได้

[caption id="attachment_314092" align="aligncenter" width="447"] สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์[/caption]

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงความร่วมมือในการระงับข้อพิพาททางการค้าของภาคธุรกิจ การส่งเสริมความร่วมมือทรัพย์สินทางปัญญาและดูแลไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า เพื่อส่งเสริมการค้าและลงทุนระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและขยายตัวมากขึ้น ล่าสุดทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงจะให้ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ระหว่างมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (Common Control Area หรือ CCA)ในการอำนวยความสะดวกการนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-ลาวเพื่อให้สามารถตรวจเอกสารพิธีการนำเข้า-ส่งออกที่เกี่ยวกับ 2 ประเทศในจุดเดียว และไทยพร้อมสนับสนุนลาว ในการเชื่อมโยงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window หรือ ASW) ให้แล้วเสร็จในช่วงการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการตรวจสอบเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) ที่ปัจจุบันต้องส่งไปตรวจที่เวียงจันทน์ ทั้งนี้ ไทยยังพร้อมช่วยเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในเรื่องต่างๆ ของลาว โดยเฉพาะ SMEs ผ่านโครงการ CLMVT และโครงการ YEN-D เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีผู้ประกอบการ SMEs จากทั้ง 2 ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 80 คนโดยผลการเจรจาการค้าครั้งนี้คาดว่าก่อให้เกิดมูลค่าการค้ารวมกว่า 62 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มสินค้าและธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ในการจับคู่ธุรกิจ ได้แก่ แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการศึกษา และสินค้าวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ยังได้วางเป้าหมายด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างกันให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหรือมีมูลค่า ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2564  พร้อมกับร่วมหารือกันเพื่อลดปัญหา อุปสรรคทางการค้าการลงทุนอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมภาคเศรษฐกิจเพื่อเตรียมนำผลรายงานต่อการประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ 3 ในช่วงปลายปีนี้

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,399 วันที่ 9-12 กันยายน 2561