"พาณิชย์" นัดถกต่อเนื่อง มุ่งเป้าแก้ปัญหาส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม หลังตั้งเงื่อนไขเข้ม ทำเสียเวลาผ่านด่านจาก 1-3 วัน เป็น 30 วัน ส่งผล 7 เดือนแรก ยอดส่งออกรถยนต์ไทยไปเวียดนามวูบ 27%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเวียดนามมีมาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์ (Decree 116) ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 ว่า ภายหลังจากที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พบหารือกับ นายเจิ่น ต๊วง แองห์ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2561 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ไทยได้ใช้โอกาสนี้ยกข้อกังวลต่อการใช้มาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการค้าของไทยไปเวียดนามอย่างมาก
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกล็อต ทุกแบบ ทุกรุ่น ทุกลำเรือ ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของท่อไอเสียกับห้องแล็ปของเวียดนาม ซึ่งปัจจุบัน ยังมีเพียงแห่งเดียว ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอคิวตรวจและใช้เวลานาน จากที่เดิมไม่มีมาตรการนี้จะใช้เวลาผ่านด่านเพียง 1-3 วัน เมื่อเวียดนามออกมาตรการใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 30 วัน ในการประชุม JTC ไทยจึงได้เสนอแนวทางแก้ปัญหา และเนื่องจากไทยมีห้องแล็ปมีศักยภาพ และบุคลากรเพียงพอจึงได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อให้เวียดนามยอมรับผลการตรวจสอบของไทย และไม่ต้องตรวจซ้ำที่เวียดนาม ซึ่งที่ประชุม JTC ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระดับเจ้าหน้าที่ให้ไปหารือในรายละเอียดต่อไป
"ขณะนี้ทางกรมอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าและทาบทามเพื่อนัดหารือกับฝ่ายเวียดนาม และเตรียมจัดคณะผู้แทนในระดับเทคนิคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางไปหารือกับกระทรวงคมนาคมของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นหน่วยงานหลักในการหารือกับฝ่ายไทย คาดว่าจะสามารถหาเวลาที่เหมาะสมได้โดยเร็ว โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานด้านเทคนิคของไทยได้เดินทางไปหารือเบื้องต้นกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 นอกจากนี้ ในการดำเนินการที่ผ่านมา กรมเจรจาการค้าฯ ได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนต่อแนวทางดำเนินการดังกล่าว เพื่อเร่งบรรเทาอุปสรรคในการส่งออกรถยนต์ของไทยไปเวียดนาม โดยเฉพาะเงื่อนไขของกฎระเบียบของเวียดนามที่กำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกรุ่นทุกแบบต้องเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทุกครั้งที่มีการนำเข้ามาในประเทศ และเพื่อผลักดันให้เวียดนามปฏิบัติต่อรถยนต์นำเข้าเท่าเทียมรถยนต์ที่ผลิตในเวียดนามซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากล"
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ค. 2561 ไทยส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม รวม 15,411 คัน โดยมีแนวโน้มการส่งออกรายเดือนเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นมา ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็น 23.71% ของเป้าหมายการส่งออก ที่ภาคเอกชนตั้งไว้ที่ 65,000 คัน ในปี 2561 โดยลดลง 26.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ส่งออกได้ 21,021 คัน