'บิ๊กตู่' จ่อเปิดใจ! อนาคตการเมืองหลังคลายล็อก ปัดดึงดาราหาเสียง

04 ก.ย. 2561 | 09:53 น.
"บิ๊กตู่" เผย ตัดสินใจอนาคตการเมืองหลังคลายล็อก ปัดดึงดาราช่วยหาเสียง ตอกนักการเมือง ชี้! ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่เป็นรัฐบาลได้ ข้าราชการเกษียณอายุ ก็มีศักยภาพเหมือนกัน




ตู่

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ว่า วันนี้รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะต้องเจอคำถามใด คำถามแรกที่สื่อถามว่า นายกฯ จะตัดสินใจทางการเมืองหรือยัง แนวโน้มจะเป็นอย่างไร ขอตอบว่า เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับ โปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว และเมื่อมีคำสั่ง ม.44 คลายล็อกพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ จากนั้นขั้นตอนต่อไป คือ การเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล โดยสถานการณ์ในช่วงนั้นจะเป็นผลในการตัดสินใจของตน ว่า จำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือ ด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าจำเป็นแล้วจะเป็นได้อย่างไร ซึ่งจะตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์ช่วงนั้น เพราะวันนี้คงตอบได้เท่านี้ ทั้งนี้ ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน นำประเทศชาติไปสู่การปฏิรูป และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว นี่คือคำตอบของตน ดังนั้น ขอร้องอย่าถามบ่อยนัก เพราะวันนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ร้องเรียนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเก็บบัตรประชาชนจากสมาชิก อสม.โคราช อ้างนำไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งเหมือนการหาเสียง โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณา ในส่วนของ คสช. ฝ่ายกฎหมายก็กำลังพิจารณาตรวจสอบในช่วงนี้ ว่า มีข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร โดยเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย


ตู่-1

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตในการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์โครงการรัฐบาล และโปรโมตตัวนายกฯ โดยเฉพาะการดึงศิลปินดารามาร่วมโครงการสร้างไทยไปด้วยกัน ถือเป็นการหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่มีการเชิญดารามาในวันนี้ ไม่ได้เสียเงินซักบาทเดียว เขามาช่วยฟรี ๆ ส่วนที่ถามว่า มาโปรโมตตัวนายกฯ หรือไม่นั้น เรื่องนี้เคยพูดไปแล้ว ว่า ไม่ได้มาโปรโมตตัวนายกฯ แต่มาสร้างการรับรู้และเข้าใจนโยบายของรัฐบาล เข้าใจการทำงานในปัจจุบัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องย้อนไปยังคำถามว่า อนาคตทางการเมืองของตนอยู่ตรงไหน มันจำเป็นหรือไม่ที่ตนจะต้องโปรโมตตัวเอง ในเมื่อทุกวันที่ผ่านมาก็พูดเองอยู่แล้ว และก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาล คนเป็นนายกรัฐมนตรีเขาก็พูดในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำไป ซึ่งทุกพรรคก็ทำเช่นนี้ แต่ยืนยันว่า เราไม่ได้ทำแบบนั้น แต่เพียงต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ว่า เราได้ทำงานอะไรบ้าง กี่เรื่องแล้ว ประชาชนจะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร วันนี้เราต้องสร้างความร่วมมือและเข้าใจกับทุกคนให้ได้ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล ด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ที่ทุกคนควรรู้ ไม่ใช่การหาเสียง

"เพราะวันนี้ผมยังไม่มีพรรคอะไรเลย ผมจะหาเสียงไปให้ใคร ที่สำคัญเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน จึงอยากฝากไว้และอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทยเป็นของนักการเมืองเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า เป็นของคนกลุ่มเดียวหรืออย่างไร เพราะข้าราชการอื่น ๆ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เกษียณอายุแล้ว ก็มีขีดความสามารถที่จะเข้าสู่การเมืองได้ตามกฏหมาย ถ้าใครอยากจะทำ ในส่วนของผม ถ้าผมจะต้องทำก็จะไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ขอให้คอยดูกันต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


ตู-2

ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในตอนนี้การเมืองขอให้เป็นเรื่องการเมืองไปเถอะ เพราะตนต้องให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินตรงนี้มากกว่า เรื่องการเมืองก็ต้องเดินหน้าตามกฏหมาย เราพยายามที่จะเดินสู่วันเวลาที่กำหนดไว้ ตอนนี้มีหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง จึงต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วนด้วย เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และขออย่าได้สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอีกนักเลย อะไรแก้ได้ก็ต้องช่วยกันแก้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการตัดสินของ คสช. ต่อการใช้ระบบไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องแก้ในเรื่องการปลดล็อก ขณะนี้บางพรรคมีปัญหา แต่บางพรรคก็ไม่มีปัญหา ฉะนั้น เราอย่ามาขัดแย้งกันเลย ระยะแรกเราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดเวลา ไม่เช่นนั้น จะมีปัญหาอีก ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการในเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่ทำเลยก็ไม่ได้ เราต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดที่จะไปสู่กำหนดการเลือกตั้ง ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือ รวมถึงความพร้อมของทุกพรรคด้วย และการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคในระยะแรก ควรจะเป็นได้แค่ไหน เพื่อให้เวลาในการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ ต่อการปฏิรูปการเมืองในครั้งต่อไป


e-book-1-503x62-7