โคคา-โคล่ารุกตลาดเครื่องดื่มร้อน ทุ่มกว่า 1.6 แสนล้าน ซื้อเชนร้าน“คอสต้า คอฟฟี่”

04 ก.ย. 2561 | 05:02 น.
 

โคคา-โคล่าโดดเข้าสู่สังเวียนการแข่งขันในตลาดร้านกาแฟอย่างเต็มตัวหลังทุ่มงบ 5,100 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 168,300 ล้านบาท ซื้อกิจการเชนร้านกาแฟ “คอสต้า คอฟฟี่” ซึ่งเป็นเชนใหญ่สัญชาติอังกฤษที่มีจำนวนเกือบ 4,000 สาขาทั่วโลก นับเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟและเครื่องดื่มร้อนครั้งแรกและครั้งสำคัญของโคคา-โคล่า

Poznan, Poland - January 29, 2016: Costa Coffee is a British multinational coffeehouse company headquartered in Dunstable, Bedfordshire; second largest coffeehouse chain in the world.

 

“คอสต้า คอฟฟี่” (Costa Coffee) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน มีโรงงานคั่วบดกาแฟของตัวเองอยู่ในประเทศอังกฤษ และมีสาขา 3,882 สาขา ใน 32 ประเทศทั่วโลก นักวิเคราะห์กล่าวว่า ร้านสาขาเหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในอนาคต  ผู้บริหารของโคคา-โคล่า เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทตัดสินใจซื้อกิจการร้านกาแฟคอสต้า คอฟฟี่จากบริษัทแม่คือ บริษัท ไวท์เบรด ในราคาดังกล่าว และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทแต่ถูกสังคมมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้บริษัทหันมาเพิ่มไลน์สินค้าเครื่องดื่มประเภทอื่นๆมากขึ้น และสร้างแบรนด์ใหม่ๆเพื่มเข้ามา ซึ่งหนึ่งในประเภทสินค้าที่โคคา-โคล่ามองว่ามีอนาคตการเติบโตที่ดี ก็คือเครื่องดื่มเสิร์ฟร้อน หรือ hot drinks และในกลุ่มนี้ถือว่า “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มร้อนที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมากที่สุดในตลาดทั่วโลก

costa-coffee4

นายเจมส์ ควินซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโคคา-โคล่า กล่าวในการแถลงข่าวการซื้อกิจการครั้งนี้ว่า เครื่องดื่มร้อนเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชนิดที่โคคา-โคล่ายังไม่มีแบรนด์สินค้าเข้าสู่ตลาดในระดับโลก การซื้อกิจการครั้งนี้ยังหมายถึงการที่โคคา-โคล่าจะมีร้านขายกาแฟของตัวเอง หรือ physical stores กระจายอยู่ทั่วโลก และที่สำคัญก็คือ ตอนนี้ในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ มีร้านกาแฟคอสต้า คอฟฟี่อยู่แล้วถึง 459 สาขา นับเป็นการเปิดทางสะดวกให้แก่โคคา-โคล่าในการเข้าสู่ตลาดค้าปลีกสำคัญที่ได้ชื่อว่าเจาะเข้าได้ยากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ด้านนักวิเคราะห์ก็มองว่า การตัดสินใจของโคคา-โคล่าครั้งนี้ สำคัญยิ่งเพราะการมีร้านกาแฟสาขาไปตั้งอยู่ หมายถึงบริษัทจะมีช่วงเวลาให้บริการที่ยาวนานต่อเนื่อง สามารถพัฒนาการนำเสนอสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง และยังสามารถพัฒนาระบบสมาชิกที่จะสานสัมพันธ์กันแบบยาวนาน ซึ่งแตกต่างไปจากการกระจายสินค้าไปฝากขายตามร้านค้าปลีกทั่วไป บริษัทวิจัย ฟอร์เรสเตอร์ คาดการณ์ว่า บรรยากาศการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไป โคคา-โคล่า จำเป็นต้องเพิ่มแบรนด์ เจาะเข้าหาลูกค้าโดยตรงมากขึ้น เพิ่มเวลาและโอกาสในการที่ลูกค้าจะซื้อหรือเข้ามาใช้บริการ

การซื้อกิจการ “คอสต้า คอฟฟี่” และพัฒนาอย่างต่อเนื่องในฐานะแบรนด์ระดับโลก จะทำให้โคคา-โคล่าสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้ใกล้ชิดมากขึ้น และสามารถให้บริการตอบโจทย์ผู้บริโภคในพื้นที่ที่ร้านสาขาตั้งอยู่ เช่นบริการดิลิเวอรี่ คู่แข่งของโคคา-โคล่า ไม่ว่าจะเป็นเป๊ปซี่ หรือเนสท์เล่ ต่างก็กำลังเร่งเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงอยู่เช่นกัน