อิตัลไทยอุตสาหกรรม รุกตลาดงานถนนหวังปั้นรายได้ 4 พันล.
อิตัลไทยอุตสาหกรรม มองข้ามช็อต ชี้รับเหมาปีหน้ายังรุ่ง เร่งปั้นรายได้แตะ 500 ล้าน ส่วนปีนี้จ่อโกยอีก 200 ล้าน เดินเกมรุกกลุ่มงานถนน เปิดตัว “รถปูคอนกรีต” แบรนด์ดังจากสหรัฐฯ เจาะตลาด ชูจุดเด่นตอบโจทย์ผู้รับเหมา มั่นใจดันยอดรายได้รวมปีนี้โต 40% ตามเป้า
นายอดิศร์ พฤกษ์พัฒนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (ITI) เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าซื้อเครื่องจักรจำนวนมากส่งผลให้ความต้องการเครื่องจักรในปี 2561 ในช่วงครึ่งปีแรกลดลงไปบ้าง ส่วนปี 2562 เชื่อว่างานขนาดใหญ่ของภาครัฐมีออกมามากขึ้น งานด้านโยธาหรือรับเหมามีแนวโน้มจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
[caption id="attachment_311507" align="aligncenter" width="503"]
อดิศร์ พฤกษ์พัฒนรักษ์[/caption]
“ปีนี้ยังทรงตัว แต่ได้นำสินค้าใหม่ป้อนตลาดไปแล้วเพื่อปูคอนกรีตซึ่งมียอดจองจำนวน 10 ตัวเบื้องต้นจึงมียอดขายได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่องจากปีนี้ คาดว่าไตรมาสแรกของปีหน้าจะดีขึ้น และจะรุกภูมิภาคมากขึ้น”
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 จะนำเสนอโปรโมชันรุกตลาดและเน้นยอดขายในกลุ่มงานถนนมากขึ้น เนื่องจากเห็นโอกาสจากกลุ่ม “งานถนน” ที่ถือเป็นตลาดใหญ่และเปิดกว้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ของไทยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“ประกอบกับบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักที่หลากหลาย ตอบโจทย์งานก่อสร้างได้ทุกประเภท สำหรับการขยายตลาดงานถนนจะใช้รถปูคอนกรีต ‘พาวเวอร์ เคิร์บเบอร์ แอนด์ พาวเวอร์ เพฟเวอร์’ ผลิตภัณฑ์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่สามารถรองรับงานก่อสร้างถนนคอนกรีตตั้งแต่ระดับทางหลวงชนบทจนถึงซุปเปอร์ไฮเวย์ พร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ รถปูยางมะตอยวอลโว่ เอบีจี (Volvo ABG) รถบดรถเกรด ที่พร้อมรองรับงานถนนอย่างครบครันเป็นตัวบุกตลาด
นายอดิศร์ กล่าวว่า การเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ถือว่าสอดรับยุทธศาสตร์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการหาโซลูชันที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผสานกับการจัดตั้งสายงานขายกลุ่มมัลติแบรนด์ เพื่อบริหารจัดการให้ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของงานก่อสร้าง ตั้งแต่กลุ่มโครงการและงานราชการ กลุ่มเหมืองและโรงโม่ที่ทราบว่าจะมีประทานบัตรออกมาอีกราว 300 ใบ กลุ่มงานถนน โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตกว่า 40% จากปีที่ผ่านมา คาดว่ารายได้ในกลุ่มเครื่องจักรกลจะแตะ 500 ล้านบาท ส่วนภาพรวมน่าจะสามารถทำรายได้ถึง 4,000 ล้านบาทของกลุ่มอิตัลไทยอุตสาหกรรม”
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2 - 5 กันยายน พ.ศ. 2561
นายอดิศร์ พฤกษ์พัฒนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (ITI) เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าซื้อเครื่องจักรจำนวนมากส่งผลให้ความต้องการเครื่องจักรในปี 2561 ในช่วงครึ่งปีแรกลดลงไปบ้าง ส่วนปี 2562 เชื่อว่างานขนาดใหญ่ของภาครัฐมีออกมามากขึ้น งานด้านโยธาหรือรับเหมามีแนวโน้มจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
[caption id="attachment_311507" align="aligncenter" width="503"]
“ปีนี้ยังทรงตัว แต่ได้นำสินค้าใหม่ป้อนตลาดไปแล้วเพื่อปูคอนกรีตซึ่งมียอดจองจำนวน 10 ตัวเบื้องต้นจึงมียอดขายได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่องจากปีนี้ คาดว่าไตรมาสแรกของปีหน้าจะดีขึ้น และจะรุกภูมิภาคมากขึ้น”
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 จะนำเสนอโปรโมชันรุกตลาดและเน้นยอดขายในกลุ่มงานถนนมากขึ้น เนื่องจากเห็นโอกาสจากกลุ่ม “งานถนน” ที่ถือเป็นตลาดใหญ่และเปิดกว้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ของไทยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“ประกอบกับบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักที่หลากหลาย ตอบโจทย์งานก่อสร้างได้ทุกประเภท สำหรับการขยายตลาดงานถนนจะใช้รถปูคอนกรีต ‘พาวเวอร์ เคิร์บเบอร์ แอนด์ พาวเวอร์ เพฟเวอร์’ ผลิตภัณฑ์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่สามารถรองรับงานก่อสร้างถนนคอนกรีตตั้งแต่ระดับทางหลวงชนบทจนถึงซุปเปอร์ไฮเวย์ พร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ รถปูยางมะตอยวอลโว่ เอบีจี (Volvo ABG) รถบดรถเกรด ที่พร้อมรองรับงานถนนอย่างครบครันเป็นตัวบุกตลาด
นายอดิศร์ กล่าวว่า การเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ถือว่าสอดรับยุทธศาสตร์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการหาโซลูชันที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผสานกับการจัดตั้งสายงานขายกลุ่มมัลติแบรนด์ เพื่อบริหารจัดการให้ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของงานก่อสร้าง ตั้งแต่กลุ่มโครงการและงานราชการ กลุ่มเหมืองและโรงโม่ที่ทราบว่าจะมีประทานบัตรออกมาอีกราว 300 ใบ กลุ่มงานถนน โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตกว่า 40% จากปีที่ผ่านมา คาดว่ารายได้ในกลุ่มเครื่องจักรกลจะแตะ 500 ล้านบาท ส่วนภาพรวมน่าจะสามารถทำรายได้ถึง 4,000 ล้านบาทของกลุ่มอิตัลไทยอุตสาหกรรม”
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2 - 5 กันยายน พ.ศ. 2561
