จีนรุกเช่าที่ตั้งสำนักงาน ทำเลฮิต"พระราม9-รัชดาฯ"
ทัพธุรกิจแดนมังกรรุกอาคารสำนักงาน ทำเลยอดนิยมพระราม 9-รัชดาฯ-รอบสี่แยกบางนา เน้นใกล้แหล่งที่พักอาศัยในราคาที่เข้าถึงได้เดินทางสะดวก
ไม่เพียงแต่บุกเข้ามาลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัย วันนี้กลุ่มนักลงทุนจีนกำลังจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มากขึ้น ถือว่าช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น โดยธุรกิจที่เข้ามาส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจออนไลน์ และไอที เป็นหลัก
เรื่องนี้นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด ไรส์แลนด์(ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่าปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยค่อนข้างมาก หลากหลายอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่าญี่ปุ่น แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนเท่ากับกลุ่มนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น แต่ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งในส่วนของคนจีนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯและส่วนอื่นๆ ของประเทศไทยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2561 นักลงทุนสัญชาติจีนได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ แล้ว 22 รายโดยมีเงินลงทุนรวม 14,325 ล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 2 รองจากนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่นไม่มากนัก และสถิติคนจีนที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยมากถึง 23,880 คนเป็นอันดับที่ 2 รองจากคนญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยที่ประมาณ 16% ต่อปี (ช่วงปี 2555-2561) มีอัตราการขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของคนสัญชาติอื่นๆ ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย
ทำเลที่บริษัทสัญชาติจีนนิยมเลือกเพื่อเช่าพื้นที่สำนักงานขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ตนเองต้องการและมีความสะดวกในการเดินทาง รวมไปถึงมีที่พักที่ราคาไม่แพงอยู่ในบริเวณนั้น ด้วยเพื่อรองรับพนักงานสัญชาติจีนทุกระดับที่เข้ามาทำงานในบริษัททำเลยอดนิยม มี 1. สาทร และพระราม 4 มีธนาคารขนาดใหญ่และบริษัทการเงิน อย่างธนาคารแห่งประเทศจีน ธนาคารเอชเอสบีซี บนถนนพระราม4 ทำเลนี้เป็นทำเลแรกๆ ที่มีบริษัทหรือธนาคารจากประเทศจีนหรือฮ่องกง เข้ามาตั้งสำนักงาน
2. พระราม 9 และรัชดาภิเษก ในพื้นที่นี้มีผู้เช่าเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่หรือว่าหลายชั้น ซึ่งหาไม่ได้ในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจที่มีแต่อาคารสำนักงานที่เปิดบริการมาหลายปีแล้ว เช่น หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) เช่าพื้นที่จำนวน 6 ชั้น ในอาคารจี ทาวเวอร์ แยกพระราม 9 นอกจากนี้ยังมีบริษัทขนาดเล็กขนาดกลางอีกหลายบริษัทที่อยู่ในอาคารนี้ และในอาคารสำนักงาน อื่นๆ ในพื้นที่นี้ 3. พื้นที่รอบๆ สี่แยกบางนา ซึ่งมีอาคารสำนักงานใหม่ๆ อย่าง อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท ไบเทค เป็นอีกอาคารที่มีบริษัทสัญชาติจีนตั้งอยู่หลายบริษัท รวมไปถึงอาคารไทย-จง ทาวเวอร์ ที่เป็นอาคารสำนักงานที่ได้นักลงทุนสัญชาติจีนเข้ามาเทกโอเวอร์และพัฒนาต่อจนเสร็จซึ่งเป็นที่คาดเดาได้ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานที่มีนักลงทุนจีนจำนวนมากเลือกเป็นที่ตั้งบริษัทแน่นอน โดยเฉพาะบริษัทที่มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในสมุทร ปราการ ฉะเชิงเทรา รวมไปถึงใน EEC
ด้านนางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน เจแอลแอล กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่ามีการเติบโตอย่างร้อนแรงมากที่สุด ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 ธุรกิจที่มีการขยาย ตัวใช้พื้นที่มากกว่า 1 เท่า จนถึง 3 เท่า จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอที ออนไลน์ อี-คอมเมิร์ซ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าที่มาจากประเทศจีน ทางเจแอลแอลมีการจัดทีมรับลูกค้าจีนโดยเฉพาะ อย่างเช่น อาคารทีวัน สุขุมวิท 40 แม้การก่อสร้างไม่เรียบร้อย มีอัตราการจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าเกือบ 100% ซึ่ง ผู้เช่าส่วนใหญ่จะมาจากจีน และเป็นลักษณะโคเวิร์กกิ้ง สเปซ
หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3397 ระหว่างวันที่ 2 - 5 กันยายน 2561
ไม่เพียงแต่บุกเข้ามาลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัย วันนี้กลุ่มนักลงทุนจีนกำลังจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มากขึ้น ถือว่าช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น โดยธุรกิจที่เข้ามาส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจออนไลน์ และไอที เป็นหลัก
เรื่องนี้นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด ไรส์แลนด์(ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่าปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยค่อนข้างมาก หลากหลายอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่าญี่ปุ่น แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนเท่ากับกลุ่มนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น แต่ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งในส่วนของคนจีนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯและส่วนอื่นๆ ของประเทศไทยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2561 นักลงทุนสัญชาติจีนได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ แล้ว 22 รายโดยมีเงินลงทุนรวม 14,325 ล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 2 รองจากนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่นไม่มากนัก และสถิติคนจีนที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยมากถึง 23,880 คนเป็นอันดับที่ 2 รองจากคนญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยที่ประมาณ 16% ต่อปี (ช่วงปี 2555-2561) มีอัตราการขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของคนสัญชาติอื่นๆ ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย
ทำเลที่บริษัทสัญชาติจีนนิยมเลือกเพื่อเช่าพื้นที่สำนักงานขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ตนเองต้องการและมีความสะดวกในการเดินทาง รวมไปถึงมีที่พักที่ราคาไม่แพงอยู่ในบริเวณนั้น ด้วยเพื่อรองรับพนักงานสัญชาติจีนทุกระดับที่เข้ามาทำงานในบริษัททำเลยอดนิยม มี 1. สาทร และพระราม 4 มีธนาคารขนาดใหญ่และบริษัทการเงิน อย่างธนาคารแห่งประเทศจีน ธนาคารเอชเอสบีซี บนถนนพระราม4 ทำเลนี้เป็นทำเลแรกๆ ที่มีบริษัทหรือธนาคารจากประเทศจีนหรือฮ่องกง เข้ามาตั้งสำนักงาน
2. พระราม 9 และรัชดาภิเษก ในพื้นที่นี้มีผู้เช่าเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่หรือว่าหลายชั้น ซึ่งหาไม่ได้ในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจที่มีแต่อาคารสำนักงานที่เปิดบริการมาหลายปีแล้ว เช่น หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) เช่าพื้นที่จำนวน 6 ชั้น ในอาคารจี ทาวเวอร์ แยกพระราม 9 นอกจากนี้ยังมีบริษัทขนาดเล็กขนาดกลางอีกหลายบริษัทที่อยู่ในอาคารนี้ และในอาคารสำนักงาน อื่นๆ ในพื้นที่นี้ 3. พื้นที่รอบๆ สี่แยกบางนา ซึ่งมีอาคารสำนักงานใหม่ๆ อย่าง อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท ไบเทค เป็นอีกอาคารที่มีบริษัทสัญชาติจีนตั้งอยู่หลายบริษัท รวมไปถึงอาคารไทย-จง ทาวเวอร์ ที่เป็นอาคารสำนักงานที่ได้นักลงทุนสัญชาติจีนเข้ามาเทกโอเวอร์และพัฒนาต่อจนเสร็จซึ่งเป็นที่คาดเดาได้ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานที่มีนักลงทุนจีนจำนวนมากเลือกเป็นที่ตั้งบริษัทแน่นอน โดยเฉพาะบริษัทที่มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในสมุทร ปราการ ฉะเชิงเทรา รวมไปถึงใน EEC
ด้านนางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน เจแอลแอล กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่ามีการเติบโตอย่างร้อนแรงมากที่สุด ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 ธุรกิจที่มีการขยาย ตัวใช้พื้นที่มากกว่า 1 เท่า จนถึง 3 เท่า จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอที ออนไลน์ อี-คอมเมิร์ซ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าที่มาจากประเทศจีน ทางเจแอลแอลมีการจัดทีมรับลูกค้าจีนโดยเฉพาะ อย่างเช่น อาคารทีวัน สุขุมวิท 40 แม้การก่อสร้างไม่เรียบร้อย มีอัตราการจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าเกือบ 100% ซึ่ง ผู้เช่าส่วนใหญ่จะมาจากจีน และเป็นลักษณะโคเวิร์กกิ้ง สเปซ
หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3397 ระหว่างวันที่ 2 - 5 กันยายน 2561
