สวนกระแสสงครามการค้า บลจ.วรรณส่ง ALLCHINA ลุยหุ้นจีน มองพื้นฐานดี

01 ก.ย. 2561 | 12:21 น.
ท่ามกลางปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)วรรณ กลับมองเห็นโอกาสด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณออล ไชน่า อิควิตี้ (ONE-ALLCHINA) ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 6 กันยายน

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ  เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของจีนแล้ว แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะลดลงจาก 8% ลงมาที่ 6% แต่ก็ยังสูงกว่าจีดีพีโลก ขณะที่ประชากรยังเพิ่มขึ้นและรัฐบาลแข็งแกร่งมากและพร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ทั้งการทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนลงทันทีที่มีปัญหากับสหรัฐฯหรือ การลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สามารถปล่อยกู้สนับสนุนเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น รวมถึงแก้ปัญหาสถาบันการเงินได้อย่างรวดเร็ว

และหากดูด้านราคา จะเห็นว่าดีมาก เพราะหากพิจารณาดัชนีตลาดหุ้นในจีนคือ A-share ลดลง 16% ซึ่งตามหลักแล้วหากลดลงเกิน 20% ถือว่าเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเศรษฐกิจจีนไม่ได้ถดถอยเลย แต่ลดลง เพราะเกิดจากเงินไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก หลังจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สหรัฐฯประกาศอัตราค่าจ้างแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.9% สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ขึ้นมาเกิน 3% ทำให้มองกันว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง จึงทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่กลับไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว ตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกปรับลดลงทั้งไทย เอเชียและจีน ยกเว้น อินเดีย

Print

“ก็เหมือนเราซื้อหุ้น ถ้าบริษัทไม่มีกำไรอย่างต่อเนื่องและในอนาคตไม่มีการเติบโต เราคงไม่ลงทุน ปัญหาสงครามการค้ามาทีหลัง แต่เรามองไปที่จุดเริ่มต้นคือ เงินไหลออกจากกองทุนหุ้นหรือตลาดเกิดใหม่หมดเลย ทั้งที่เศรษฐกิจไม่ได้มีปัญหา แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นก็ผันผวนจากปัญหาระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งแรกๆเราคิดว่าเป็นเพียงสงคราม นํ้าลาย แต่หลังๆ เริ่มเห็นการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯลดลง 13% กว่า ซึ่งแปลว่ากระทบต่อเศรษฐกิจจริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เงินไหลออกมากเท่ากับที่บอกว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย”

090861-1927-9-335x503-3

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากการที่หุ้น A-share ถูกคำนวณเข้าไปในดัชนี MSCI ซึ่งหากดูจากขนาดของจีดีพีโลกที่เติบโต 3% นั้นมีสัดส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ 25% และของจีนอีก 15% รวมเป็นครึ่งหนึ่ง ขณะที่นํ้าหนักหุ้นสหรัฐฯใน MSCI อยู่ที่ 50% แต่ของจีนเพียง 3.5% เท่านั้น ตํ่ามากและยังมีโอกาสที่จะเพิ่มได้อีกมาก เมื่อเทียบกับขนาดจีดีพี แม้ผลจากสงครามการค้าจะกระทบต่อการส่งออกของจีน แต่ไม่ได้ทำให้สัดส่วนในเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปและมองว่าอีก 10 ปี เศรษฐกิจจีนจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้วย

ขณะเดียวกันจีนยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามยุทธศาสตร์เส้นทางสายใหม่ ซึ่งเชื่อมเอเชียกับยุโรป การที่สหรัฐฯใช้นโยบายกีดกันการค้ากับยุโรป จะทำให้ยุโรปหันมาเป็นพันธมิตรกับจีนมากขึ้น จะมีการลงทุนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีบลจ.หลายแห่งออกกองทุนหุ้นจีน แต่เป็นลักษณะลงทุนในตลาดเดียว ขณะที่ของบริษัทลงทั้งหุ้นในจีน หุ้นนอกจีนคือในฮ่องกง และบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วโลก จึงจะเป็นโอกาสสำหรับคนที่ยังไม่มีได้ลงทุนหรือคนที่มี แต่ผลตอบแทนลดลง จะได้ถัวเฉลี่ยการลงทุนด้วย

 

หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2-5 ก.ย. 2561 e-book-1-503x62