อมตะเร่งปิดดีล10ทุนจีน เจรจาซื้อที่ ขาใหญ่ผุดโรงงานหมื่นล้านผลิตชิ้นส่วนรถ
นักลงทุนจีนแห่สำรวจพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนของอมตะ เผย 10 รายมาแน่ เร่งปิดดีลซื้อขายที่ดินในสิ้นปีนี้ ระบุยักษ์ใหญ่สนลงทุนผลิตชิ้นส่วนป้อนรถยนต์ไฟฟ้าค่ากว่า 1 หมื่นล้าน ขณะกนอ.จับมือซีพีจีซีตั้งนิคมฯไทย-จีนเพิ่ม 3 พันไร่
ในการลงทุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ของคณะนักลงทุนจีนกว่า 500 ราย ในจำนวน 140 บริษัท ซึ่งมีทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชน ที่นำโดยนายหวัง หย่งมนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดย 1 ในการศึกษาลู่ทางการลงทุน ทัพนักลงทุนจีนได้เข้าสำรวจดูพื้นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ที่มีพื้นที่กว่า 3 พันไร่ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้าดำเนินการแล้วราว 100 ราย บนเนื้อที่ราว 1 พันไร่
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้นิคมฯไทย-จีน มีความพร้อมที่จะรองรับการลงทุนของนักลงทุนจีนแล้ว โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะขายพื้นที่ราว 250 ไร่ จากพื้นที่ที่เหลืออยู่ราว 2 พันไร่ ซึ่งหากนักลงทุนที่เดินทางมาเยี่ยมชมและสนใจที่จะเข้ามาลงทุน พื้นที่ที่มีอยู่ก็สามารถรองรับการลงทุนได้ทันที และคาดว่ายอดการขายที่ดินน่าจะเกินเป้าหมายที่วางไว้ได้
[caption id="attachment_310719" align="aligncenter" width="503"]
วิบูลย์ กรมดิษฐ์[/caption]
โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนจีนที่จะมาซื้อพื้นที่จัดตั้งโรงงานในนิคมฯไทย-จีน กว่า 10 ราย ในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเคมีภัณฑ์สำหรับอาหาร กลุ่มเคมีภัณฑ์สำหรับนํ้าประปาและบำบัดนํ้าเสีย กลุ่มเกษตรแปรรูป เป็นต้น ซึ่งล้วนอยู่ในกลุ่มนักลงทุนจีนที่เดินทางมาดูลู่ทางการลงทุนในครั้งนี้ด้วย และที่ผ่านมาได้มีการติดต่อกันเป็นระยะอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากนักลงทุนจีนมีการตัดสินใจลงทุนจริงในจำนวนดังกล่าวนี้ คาดว่าเม็ดเงินลงทุนจะหลายหมื่นล้านบาท เพราะแค่โครงการเดียวของกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะมีการป้อนให้กับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีด้วย ก็กว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้น เมื่อมีการติดต่อเข้ามาทางบริษัทจะเร่งเจรจาการขายที่ดินให้ได้ข้อยุติภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดจริงในปีหน้า
นางสุวัฒนา กมลวัทนนิศา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สายงานยุทธศาสตร์และพัฒนา) เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่นิคมที่รองรับการลงทุนของนักลงทุนนั้น ล่าสุดทาง กนอ.ได้จับมือกับบริษัท ซี จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซีในจังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่และอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายอีอีซี โดยได้เลือกพื้นที่ในตำบลมาบข่า และตำบลมาบข่าพัฒนาในอำเภอนิคมพัฒนา และตำบลหนองระลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง รวมเนื้อที่ประมาณ 3,068 ไร่ ใช้รูปแบบการร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่ามูลค่าการลงทุนของโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 5,600 ล้านบาท
โดยพื้นที่โครงการแบ่งเป็น เขตอุตสาหกรรมทั่วไป 2,205 ไร่ เขตพาณิชยกรรม 112 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 443 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 307 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมดิจิตอล อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภคเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมหลัก โดยตั้งเป้าหมายขายพื้นที่ได้หมดภายในระยะเวลา 6 ปี พร้อมก่อให้เกิดการลงทุนไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท และการจ้างงานไม่น้อยกว่า 20,000 อัตรา
ทั้งนี้ หลังจากนี้ไปทางผู้ประกอบการจะต้องไปจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการจัดตั้งนิคมต่อไป ซึ่งที่ผ่านมานิคมดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.)ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมในอีอีซีแล้ว
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2-5 ก.ย. 2561
ในการลงทุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ของคณะนักลงทุนจีนกว่า 500 ราย ในจำนวน 140 บริษัท ซึ่งมีทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชน ที่นำโดยนายหวัง หย่งมนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดย 1 ในการศึกษาลู่ทางการลงทุน ทัพนักลงทุนจีนได้เข้าสำรวจดูพื้นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ที่มีพื้นที่กว่า 3 พันไร่ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้าดำเนินการแล้วราว 100 ราย บนเนื้อที่ราว 1 พันไร่
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้นิคมฯไทย-จีน มีความพร้อมที่จะรองรับการลงทุนของนักลงทุนจีนแล้ว โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะขายพื้นที่ราว 250 ไร่ จากพื้นที่ที่เหลืออยู่ราว 2 พันไร่ ซึ่งหากนักลงทุนที่เดินทางมาเยี่ยมชมและสนใจที่จะเข้ามาลงทุน พื้นที่ที่มีอยู่ก็สามารถรองรับการลงทุนได้ทันที และคาดว่ายอดการขายที่ดินน่าจะเกินเป้าหมายที่วางไว้ได้
[caption id="attachment_310719" align="aligncenter" width="503"]
โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนจีนที่จะมาซื้อพื้นที่จัดตั้งโรงงานในนิคมฯไทย-จีน กว่า 10 ราย ในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเคมีภัณฑ์สำหรับอาหาร กลุ่มเคมีภัณฑ์สำหรับนํ้าประปาและบำบัดนํ้าเสีย กลุ่มเกษตรแปรรูป เป็นต้น ซึ่งล้วนอยู่ในกลุ่มนักลงทุนจีนที่เดินทางมาดูลู่ทางการลงทุนในครั้งนี้ด้วย และที่ผ่านมาได้มีการติดต่อกันเป็นระยะอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากนักลงทุนจีนมีการตัดสินใจลงทุนจริงในจำนวนดังกล่าวนี้ คาดว่าเม็ดเงินลงทุนจะหลายหมื่นล้านบาท เพราะแค่โครงการเดียวของกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะมีการป้อนให้กับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีด้วย ก็กว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้น เมื่อมีการติดต่อเข้ามาทางบริษัทจะเร่งเจรจาการขายที่ดินให้ได้ข้อยุติภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดจริงในปีหน้า
นางสุวัฒนา กมลวัทนนิศา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สายงานยุทธศาสตร์และพัฒนา) เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่นิคมที่รองรับการลงทุนของนักลงทุนนั้น ล่าสุดทาง กนอ.ได้จับมือกับบริษัท ซี จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซีในจังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่และอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายอีอีซี โดยได้เลือกพื้นที่ในตำบลมาบข่า และตำบลมาบข่าพัฒนาในอำเภอนิคมพัฒนา และตำบลหนองระลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง รวมเนื้อที่ประมาณ 3,068 ไร่ ใช้รูปแบบการร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่ามูลค่าการลงทุนของโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 5,600 ล้านบาท
โดยพื้นที่โครงการแบ่งเป็น เขตอุตสาหกรรมทั่วไป 2,205 ไร่ เขตพาณิชยกรรม 112 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 443 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 307 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมดิจิตอล อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภคเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมหลัก โดยตั้งเป้าหมายขายพื้นที่ได้หมดภายในระยะเวลา 6 ปี พร้อมก่อให้เกิดการลงทุนไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท และการจ้างงานไม่น้อยกว่า 20,000 อัตรา
ทั้งนี้ หลังจากนี้ไปทางผู้ประกอบการจะต้องไปจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการจัดตั้งนิคมต่อไป ซึ่งที่ผ่านมานิคมดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.)ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมในอีอีซีแล้ว
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,397 วันที่ 2-5 ก.ย. 2561
