‘DN’ป้ายแดงบินไทย เฟ้นทุกกระบวนท่าโกย1.57แสนล.
อุตสาหกรรมการบินนอกจากเผชิญกับปัญหาน่านฟ้าระอุ การแข่งขันที่รุนแรงของสายการบินในระดับพรีเมียมด้วยกันเอง แล้วยังเจอ สายการบินต้นทุนตํ่า แย่งตลาดไปบางส่วนแล้ว ยังเจอปัจจัยเสี่ยงจากราคา นํ้ามันที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีในราว 30% ตัวแปรที่สำคัญที่สายการบินทั่วโลกกำลังตกที่นั่งลำบาก
การเข้ามารับตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ของวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ หรือดีเอ็นคนล่าสุดยอมรับว่า
“ผมห่วงเรื่องราคา นํ้ามัน เพราะจะเป็นตัวแปรหลัก ต้นทุนของธุรกิจการบิน แม้ว่าเราจะขยับขึ้นค่าธรรมเนียมราคานํ้ามัน ได้ แต่ถ้าราคาตั๋วแพงเกินไป ก็จะกระทบถึงผู้โดยสารเพราะหากตั๋วแพงก็จะลดการเดินทางลง”
โดยเป้าหมายในการหารายได้ จากฝ่ายการพาณิชย์นั้น จากการประชุม เวิร์กช็อปกับคณะกรรมการ บริหารเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังคงยึดตัวเลขรายได้ของบริษัทเท่าเดิมคือปีละ 190,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของฝ่ายการพาณิชย์ในราว 157,000 ล้านบาท เป็นเป้าหมายที่ดีเอ็นต้องแบกรับ
บุกญี่ปุ่น-ไต้หวัน-เกาหลี
วิวัฒน์ ฉายภาพว่า แผนงานหลัก ที่จะต้องเร่งดำเนินการช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ได้แก่ การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าญี่ปุ่นให้ได้ 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ไม่เกินปี 2020 รับกับมหกรรมโอลิมปิก จากปัจจุบันบินอยู่ 84 เที่ยว ต่อสัปดาห์ ปลายปีนี้จะเพิ่มความถี่อีก 7 เที่ยวต่อสัปดาห์ โอกาสจึงไม่ยาก และเป็นเส้นทางที่ทำรายได้สูง สุดเมื่อเทียบจากการบินจากภายนอกเข้ามาในประเทศ
การเน้นสร้างแบรนด์ “สบายต่างกัน” ให้เป็นที่รับรู้ของตลาดให้กว้างขวางและลงลึก ให้เห็นความแตกต่างที่ผู้โดยสาร จะได้รับมากยิ่งขึ้น การใช้ไอที เข้ามาช่วยเพิ่มทางในการทำการตลาด การบุ๊กกิ้งเว็บไซต์อื่นๆ ที่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มยอดขายและรายได้ และการพยายามแก้ปัญหาตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาอย่างเร็วที่สุด หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต
อย่างไรก็ดี การหารายได้เพิ่มที่ทำได้อย่างรวดเร็วคือการเพิ่มเส้นทางบินหลักที่อยู่ด้วย การเพิ่มความถี่ ในเส้นทางที่มีศักยภาพสูง คือเส้นทางบินในเอเชียที่มุ่ง 3 ประเทศหลักคือ ญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน เนื่องจากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารมีสูง ในขณะที่เส้นทางบินระยะไกล กำลังพิจารณาที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่เข้าสวิตเซอร์แลนด์ และเพิ่มเที่ยวบินเข้าบรัสเซล หลังจากเพิ่มความถี่เส้นทางบินเวียนนา
ยกเครื่องไอที รีวิว ROP
นอกจากรายได้จากการขายตั๋วโดยสารแล้ว ดีเอ็น ยังหมายมั่นปั้นมือกับการหารายได้เสริมอีกหลายทาง ทั้งการขายโฆษณา ไลฟ์ทีวีออนบอร์ด ซึ่งพานาโซนิค เป็นผู้รับไปดำเนินการ แม้กระทั่งการขายสินค้าที่ระลึกการบินไทย (ไทยช็อป) ที่จะเปิดบริการเป็นครั้งแรกที่ ห้าง ทาคาชิยามา ศูนย์การค้าไอคอนสยามด้วย รวมไปถึงการจะปรับปรุงบริการต่างๆ ที่มีอยู่ให้ดีขึ้น การเพิ่มช่องทางให้บริการแก่ลูกค้า หาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาต่อยอดกับการขายตั๋ว เช่นการขายตั๋ว พ่วงกับการจองโรงแรม รถเช่า ประกันภัยการเดินทางลีมูซีนรับ-ส่งสนามบิน จองตั๋วรถไฟ ขายนํ้าหนัก ฯลฯ
วิวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของโปรแกรมสะสมไมล์เดินทาง รอยัลออร์คิดพลัส (อาร์โอพี) ขณะนี้ได้จ้างที่ปรึกษาเข้ามาหาความเหมาะสมของสิทธิประโยชน์ของการสะสมและการแลกไมล์ โดยเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นๆ เช่น อาจจะลดการใช้ไมล์แลกตั๋วโดยสารในประเทศจาก 15,000 เหลือ 10,000 ไมล์ หรือแลกตั๋วเที่ยวเดียว รวมถึงการใช้สิทธิ์ในการแลกเติมนํ้ามัน และซื้อสินค้าในห้างเซ็นทรัล ก็อยู่ในแผนที่จะดำเนินการ คาดเดือนตุลาคมนี้จะประกาศได้
นอกจากนี้ในส่วนของไอทีจะมีการเปิดแอพพลิเคชันใหม่ของการบินไทย บริการแก่ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางในระยะสั้นๆ ซื้อตั๋วผ่านโมบาย โดยเป็นการใช้ระบบอะมาดิอุสที่มีอยู่มาพัฒนาต่อยอด เป็นโมบายแอพ และพัฒนาไปถึงการสื่อสารกับผู้โดยสารได้โดยตรง และมีฟังก์ชันต่างๆ ซื้อตั๋วดูสถานะอาร์โอพี เช็กอิน ประตูขึ้นเครื่องผ่านหน้าจอ แอปเปิลวอตช์ รวมถึงการซื้อโปรแกรมเพื่อติดตามผู้โดยสารที่ทำบุ๊กกิ้งไม่เสร็จและยกเลิกการจองมีถึง 10-20% เพื่อให้รู้ปัญหาจะได้นำมาแก้ไขได้ตรงจุด
ขณะที่การขายตั๋วผ่านออนไลน์ใกล้ 20% ซึ่งจะเพิ่มค่อนข้างยาก และยังต้องอาศัยการขายผ่านบริษัทเอเยนต์ขายตั๋ว เนื่อง จากบริษัทใหญ่ๆ ปตท. ซีพี องค์กรต่างๆ รวมถึงตลาดข้าราชการ รัฐวิสาหกิจที่ต้องใช้บริการของเอเยนต์ตั๋ว สัดส่วนตลาดจะแบ่งเป็น คอร์ปอเรต 30% เอเยนต์ 30% เอฟไอที 40% ซึ่งรวมถึงที่ซื้อตั๋วผ่าน OTA ทั้งหลายด้วย
ทั้งนี้จากการคาดการณ์ของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ระบุว่าผู้โดยสารในภูมิภาคนี้จะเติบโตปีละ 5-7% แต่การบินไทยยังมีปัญหาเรื่องจำนวนเครื่องบินไม่เพียงพอ และข้อจำกัดการเพิ่มสล็อตบินของสนามบินในต่างประเทศที่หลายประเทศกีดกัน
ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นอีกความท้าทายของ “ดีเอ็น” ป้ายแดง!!
สัมภาษณ์ โดย ภาณี สิงห์แดง
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3397 ระหว่างวันที่ 2 - 5 กันยายน 2561
การเข้ามารับตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ของวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ หรือดีเอ็นคนล่าสุดยอมรับว่า
“ผมห่วงเรื่องราคา นํ้ามัน เพราะจะเป็นตัวแปรหลัก ต้นทุนของธุรกิจการบิน แม้ว่าเราจะขยับขึ้นค่าธรรมเนียมราคานํ้ามัน ได้ แต่ถ้าราคาตั๋วแพงเกินไป ก็จะกระทบถึงผู้โดยสารเพราะหากตั๋วแพงก็จะลดการเดินทางลง”
โดยเป้าหมายในการหารายได้ จากฝ่ายการพาณิชย์นั้น จากการประชุม เวิร์กช็อปกับคณะกรรมการ บริหารเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังคงยึดตัวเลขรายได้ของบริษัทเท่าเดิมคือปีละ 190,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของฝ่ายการพาณิชย์ในราว 157,000 ล้านบาท เป็นเป้าหมายที่ดีเอ็นต้องแบกรับ
บุกญี่ปุ่น-ไต้หวัน-เกาหลี
วิวัฒน์ ฉายภาพว่า แผนงานหลัก ที่จะต้องเร่งดำเนินการช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ได้แก่ การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าญี่ปุ่นให้ได้ 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ไม่เกินปี 2020 รับกับมหกรรมโอลิมปิก จากปัจจุบันบินอยู่ 84 เที่ยว ต่อสัปดาห์ ปลายปีนี้จะเพิ่มความถี่อีก 7 เที่ยวต่อสัปดาห์ โอกาสจึงไม่ยาก และเป็นเส้นทางที่ทำรายได้สูง สุดเมื่อเทียบจากการบินจากภายนอกเข้ามาในประเทศ
การเน้นสร้างแบรนด์ “สบายต่างกัน” ให้เป็นที่รับรู้ของตลาดให้กว้างขวางและลงลึก ให้เห็นความแตกต่างที่ผู้โดยสาร จะได้รับมากยิ่งขึ้น การใช้ไอที เข้ามาช่วยเพิ่มทางในการทำการตลาด การบุ๊กกิ้งเว็บไซต์อื่นๆ ที่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มยอดขายและรายได้ และการพยายามแก้ปัญหาตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาอย่างเร็วที่สุด หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต
อย่างไรก็ดี การหารายได้เพิ่มที่ทำได้อย่างรวดเร็วคือการเพิ่มเส้นทางบินหลักที่อยู่ด้วย การเพิ่มความถี่ ในเส้นทางที่มีศักยภาพสูง คือเส้นทางบินในเอเชียที่มุ่ง 3 ประเทศหลักคือ ญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน เนื่องจากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารมีสูง ในขณะที่เส้นทางบินระยะไกล กำลังพิจารณาที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่เข้าสวิตเซอร์แลนด์ และเพิ่มเที่ยวบินเข้าบรัสเซล หลังจากเพิ่มความถี่เส้นทางบินเวียนนา
ยกเครื่องไอที รีวิว ROP
นอกจากรายได้จากการขายตั๋วโดยสารแล้ว ดีเอ็น ยังหมายมั่นปั้นมือกับการหารายได้เสริมอีกหลายทาง ทั้งการขายโฆษณา ไลฟ์ทีวีออนบอร์ด ซึ่งพานาโซนิค เป็นผู้รับไปดำเนินการ แม้กระทั่งการขายสินค้าที่ระลึกการบินไทย (ไทยช็อป) ที่จะเปิดบริการเป็นครั้งแรกที่ ห้าง ทาคาชิยามา ศูนย์การค้าไอคอนสยามด้วย รวมไปถึงการจะปรับปรุงบริการต่างๆ ที่มีอยู่ให้ดีขึ้น การเพิ่มช่องทางให้บริการแก่ลูกค้า หาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาต่อยอดกับการขายตั๋ว เช่นการขายตั๋ว พ่วงกับการจองโรงแรม รถเช่า ประกันภัยการเดินทางลีมูซีนรับ-ส่งสนามบิน จองตั๋วรถไฟ ขายนํ้าหนัก ฯลฯ
วิวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของโปรแกรมสะสมไมล์เดินทาง รอยัลออร์คิดพลัส (อาร์โอพี) ขณะนี้ได้จ้างที่ปรึกษาเข้ามาหาความเหมาะสมของสิทธิประโยชน์ของการสะสมและการแลกไมล์ โดยเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นๆ เช่น อาจจะลดการใช้ไมล์แลกตั๋วโดยสารในประเทศจาก 15,000 เหลือ 10,000 ไมล์ หรือแลกตั๋วเที่ยวเดียว รวมถึงการใช้สิทธิ์ในการแลกเติมนํ้ามัน และซื้อสินค้าในห้างเซ็นทรัล ก็อยู่ในแผนที่จะดำเนินการ คาดเดือนตุลาคมนี้จะประกาศได้
นอกจากนี้ในส่วนของไอทีจะมีการเปิดแอพพลิเคชันใหม่ของการบินไทย บริการแก่ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางในระยะสั้นๆ ซื้อตั๋วผ่านโมบาย โดยเป็นการใช้ระบบอะมาดิอุสที่มีอยู่มาพัฒนาต่อยอด เป็นโมบายแอพ และพัฒนาไปถึงการสื่อสารกับผู้โดยสารได้โดยตรง และมีฟังก์ชันต่างๆ ซื้อตั๋วดูสถานะอาร์โอพี เช็กอิน ประตูขึ้นเครื่องผ่านหน้าจอ แอปเปิลวอตช์ รวมถึงการซื้อโปรแกรมเพื่อติดตามผู้โดยสารที่ทำบุ๊กกิ้งไม่เสร็จและยกเลิกการจองมีถึง 10-20% เพื่อให้รู้ปัญหาจะได้นำมาแก้ไขได้ตรงจุด
ขณะที่การขายตั๋วผ่านออนไลน์ใกล้ 20% ซึ่งจะเพิ่มค่อนข้างยาก และยังต้องอาศัยการขายผ่านบริษัทเอเยนต์ขายตั๋ว เนื่อง จากบริษัทใหญ่ๆ ปตท. ซีพี องค์กรต่างๆ รวมถึงตลาดข้าราชการ รัฐวิสาหกิจที่ต้องใช้บริการของเอเยนต์ตั๋ว สัดส่วนตลาดจะแบ่งเป็น คอร์ปอเรต 30% เอเยนต์ 30% เอฟไอที 40% ซึ่งรวมถึงที่ซื้อตั๋วผ่าน OTA ทั้งหลายด้วย
ทั้งนี้จากการคาดการณ์ของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ระบุว่าผู้โดยสารในภูมิภาคนี้จะเติบโตปีละ 5-7% แต่การบินไทยยังมีปัญหาเรื่องจำนวนเครื่องบินไม่เพียงพอ และข้อจำกัดการเพิ่มสล็อตบินของสนามบินในต่างประเทศที่หลายประเทศกีดกัน
ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นอีกความท้าทายของ “ดีเอ็น” ป้ายแดง!!
สัมภาษณ์ โดย ภาณี สิงห์แดง
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3397 ระหว่างวันที่ 2 - 5 กันยายน 2561
